เฮียตู่ต้องเอาอย่างน้องแดงเขานะ บอกเลย “ไม่ได้พูดถึงใคร ทำไมต้องร้อนตัว” เรื่องไปปาฐกถาที่เซ็นทาร่า ลาดพร้าว จะ “ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง” น่ะ เข้าใจทั่นดี “อะไรก้าวล่วงก็ต้องขอโทษไม่ได้มีเจตนาอะไร” ที่ทั่น “ไม่เข้าใจ”
“ประเทศไทยน่าอยู่ อากาศดี อาหารอร่อย ธรรมชาติสวยงาม ระบบการแพทย์ดี...ทูตฯ ทุกประเทศต่างก็บอกว่า...เขาอยากมาเกษียณอายุที่ไทย อยากมาใช้ชีวิตที่ไทย แต่คนไทยหลายคนกลับไม่อยากอยู่” เอ้าช่วยทั่นคิดหน่อย
“ประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อยู่ตรงไหน กฎหมายอยู่ตรงไหน” คิดใหม่นะ อย่าไปคิดย้อนหลังถึงเรื่องกฎบัตรกฎหมายไม่อยู่กับร่องรอย ที่ อานนท์ นำภา มาก่อนกาลปราศรัยแย้งทั่นไว้เมื่อสองสามวันก่อน ว่า “สามอำนาจมันก้าวล่วงกันแล้ว”
เห็น ‘ตู่ตั้ง’ รัฐมนตรีสำหรับเศรษฐกิจใหม่อีก ๗ คน ไม่อยาก ‘ติเรือทั้งโกลน’ พวกอุตสาหกรรมขานรับกันไป แต่สำหรับประชาชนก็ยังลูกผีลูกคนอย่างเดิม จนกว่าจะอีกสองสามปีให้หลัง ตายห่ ถลุงไปแล้วหลายแสนล้านยังไม่ได้ทุนคืน ต้องไล่ทีมงานเหมือนที่ผ่านมา
“ประเทศไทยที่ว่าแย่ แต่ก็ยังมีหลายประเทศที่แย่มากกว่า” ตู่บอก คงเอาไปเปรียบกับประเทศกัยยาน่าหรือเซียร่าลีออนมั้ง กับเวียตนามกับมาเลเซียใกล้ตัวเกินไปไม่อ้างถึง “เรามีดอลล่าเข้ามาใช้จ่ายในประเทศจำนวนมาก ทำให้เกิดดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล
สิ่งเหล่านี้จะทำให้ค่าเงินของเราแข็งพอสมควร” นั่นสิ ส่งออกถึงได้หด ทีมเศรษฐกิจชุดที่แล้วแก้ไม่ตกไง มิหนำซ้ำอุตสาหกรรมต่างชาติย้ายฐานผลิตออกจากไทยระนาว ไม่ใช่แค่เพราะโควิดเท่านั้น เป็นเพราะนักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นรัฐบาลชุดนี้ด้วย
ที่น่าตบปากก็ตรงยกยอตัวเอง “ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ ๒๔ ส.ค.๒๕๕๗ จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ” เหอ เหอ นับจุดเริ่มต้นเฉพาะปี ๒๕๕๗ ที่ว่าการขยายตัวอยู่ที่ ๑.๐% ใช่สิ
มิใช่เพราะพวกลิ่วล้อของทั่น กปปส.เอย พธม.เอย สลิ่มเป่านกหวีดเอย ช่วยกันป่วน ‘ชัตดาวน์ ชัตตะฟุค’ กันเพื่อกวักมือเรียกให้ทหารเข้ามายึดอำนาจหรอกหรือ เศรษฐกิจถึงเกือบบรรลัย แล้วมาตายหยังเขียดตอนที่พวกดีกรี จปร.ช่วยถลุงนั่นละ
ก่อนหน้านั้นรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้งทำให้เศรษฐกิจโตอย่างน้อยๆ ๕-๖ เปอร์เซ็นต์ไม่อ้างถึง อ้างเฉพาะที่ คสช.ทำให้ลดระดับไปอยู่ที่ ๓.๑ ถึง ๓.๔ ยังหน้าด้านเอามาอ้างว่าการป่วนเมืองสร้าง “ปัญหาความขัดแย้ง ความไม่มีเสถียรภาพ” ทำเศรษฐกิจพัง
(https://siamrath.co.th/n/174946)
ย้อนไปเรื่องที่เหน็บคนไทยที่ไม่อยากอยู่ในประเทศ อาจหมายถึงที่อังกฤษซึ่งเขาทำมาค้าขึ้น รวยเอา รวยเอา แต่ไม่หมายถึงที่เยอรมนี ซึ่งมีแต่ค่าใช้จ่ายหลายพันล้าน เพราะดูเหมือนว่าไม่ช้า แต่ว่าคงไม่เร็ว เดี๋ยวกลับมาแน่
จากที่ Andrew MacGregor Marshall @zenjournalist เอาเอกสารกรมโยธาธิการและผังเมืองมาเปิด ถึงการจัดซื้อจัดจ้าง ปรับปรุงพระตำหนักจิตรลดารโหฐานและพระที่นั่งอัมพรสถาน วงเงินงบประมาณรวมแล้วเฉียดๆ ๑๑๒ ล้านบาทนั่น
โดยเฉพาะที่พระที่นั่งอัมพรฯ มีการจัดสร้างอาคารหลายหลัง เช่น อาคารเอนกประสงค์ อาคารยิมเนเซี่ยม อาคารโรงเลี้ยง อาคารจอดรถ สำหรับข้าราชบริพาร รวมทั้งอาคาร ‘กองร้อยชายโสด’ และ ห้องนอนนายทหารหญิง (หน่วย ‘เอสเอเอส’)
แอนดรูว์บอกว่าหน่วยเอสเอเอสนี่ตั้งชื่อเลียนแบบหน่วย SAS ของอังกฤษ เป็นชุดที่ราว ๒๐ คนพำนักอยู่ที่โรงแรมการ์มิสซ์ฯ ในเยอรมนีขณะนี้ ทหารหญิงเหล่านี้ได้รับพระราชทานนามสกุลเหมือนกันหมดว่า ‘สิริวัชรภักดี’ (จริงแท้แค่ไหนไม่รู้ ไปดูเพจของแอนดรูว์กันเอง)
อันนี้เป็นนิมิตรหมายให้ชื่นฤทัยในธรรมสำหรับพสกนิกรผู้จงรักภักดี และมุ่งมาดปรารถนาให้พระเจ้าอยู่หัวเสด็จคืนสู่พระนคร ‘บิ๊กตู่’ จะได้ถวายงานใกล้ชิดเบื้องบุคลบาทา อาคารที่สร้างให้ทหารหญิง ‘หลับนอน’ เสร็จเมื่อไร พระองค์คงได้เสด็จกลับเมื่อนั้น
เว้นแต่ว่านั่นเป็นการก่อสร้างสำหรับทหารหญิงชุดใหม่ ที่จะมีการ ‘recruit’ แต่งตั้งเพิ่มเติม อะนะ