วันอังคาร, สิงหาคม 18, 2563

ม็อบวันนี้ คือม็อบมุมกลับของกปปส.



มิตรสหายท่านหนึ่ง
Yesterday at 11:04 AM ·

“ในฐานะคนที่รู้สึกรังเกียจและเจ็บปวดกับการเคลื่อนไหวของ กปปส. มากที่สุด เมื่อเทียบกับความจัญไรทางการเมืองทุกสิ่ง (มากกว่า คสช ด้วยอ่ะ)

วันนี้บอกได้ว่ามีความสุข ปลาบปลื้ม ประทับใจ มากจริงๆ ชนิดที่เรียกได้ว่าตายตาหลับแล้ว

สิ่งที่เราเกลียด กปปส. มากที่สุดคือการทำให้ ฟาสซิสต์ กลายเป็น “วัฒนธรรม” ทำให้ นกหวีด คือสัญลักษณ์ของความเท่ คูล มีชนชั้น มีปัญญา

ซึ่งในฐานะคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม มันรู้สึกทุเรศ กับการต้องอยู่ในสังคมที่การล้มเลือกตั้ง เหยียดคนอื่น กลายเป็นวัฒนธรรม กลายเป็นความเท่ ความคูล ที่มีแต่คนแย่งกันทำความบ้าๆโชว์

แน่นอน เราอาจจะอินเรื่องนึ้มากหน่อย ก็เพราะเราเป็นคนชั้นกลางกรุงเทพ ที่ต้องเห็น ต้องจม อยู่กับ “วัฒนธรรม กปปส” เรื่อยมา

แต่ม็อบวันนี้ มันคือมุมกลับ

โอ้โห เรารู้สึกได้เลยนะ ตั้งแต่เดินเข้าไปจากพื้นที่ริมๆว่านี่มันม็อบเด็กแนวชัดๆ

มันเต็มไปด้วยการเคลื่อนไหวในเชิงวัฒนธรรม เชิงสัญลักษณ์ ไม่ว่าจะคำโปรยบนเสื้อยืด ป้าย ธง คำปราศัย และสารพัดสิ่ง

และที่สำคัญ มันคือ วัฒนธรรมประชาธิปไตย แบบที่จับต้องได้ รู้สึกได้จริงๆอ่ะ

เรารู้สึกได้ว่าคนใส่เสื้อยืดสกรีนทุกแบบ มันโคตรเท่ (และโคตรคม) วันนี้ทำให้รู้สึกได้จริงๆว่า ประชาธิปไตย มันสร้างเป็นวัฒธรรมได้ มันทำให้คูลได้ มันสร้าง hegemony ได้โว้ย

อีกอย่างที่น่าสนใจคือ ม็อบครั้งนี้เต็มไปด้วยสารพัดกลุ่มย่อย ที่นอกไปจากก๊วนนักศึกษา ยังมี LGBT มีกลุ่มแรงงาน กลุ่มสิ่งแวดล้อม กลุ่มสิทธิที่ดินทำกิน กลุ่มชายแดนใต้ ฯลฯ —- และทุกคน ทุกสายธาร ล้วนไหลมารวมกันด้วยความ “ตาสว่าง”แล้วว่า “กอร์เดึ้ยนน๊อต” ของประเทศนึ้มันคืออะไร

อีกอย่างที่รู้สึกว่าเป็นความเด็ดของม็อบยุคนี้ คือทุกๆขบวนการเนี่ย ล้วนเป็นกลุ่มที่ปกติจะมีภาพ “apolitical” ในสังคมไทย —- ทั้งเด็ก ทั้งเกย์ กระเทย ฯลฯ คนพวกนี้ อิลีท ไทย ไม่เคยเห็น “ความเป็นการเมือง” ของพวกเขาแน่ๆ —- ปกติการต่อสู้ของคนพวกนี้ เวลาเชื่อมมาในบริบทเมืองไทย มันกลายเป็นเรื่องความดี ไม่ใช่เรื่องการเมือง

แต่เฮ้ย เรากระพริบตาครั้งเดียว เรามาถึงวันนี้ที่คนพวกนี้แม่งขึ้นเวที ยิงตรงไป กอร์เดี้ยนน๊อต เลย แบบไม่มีอ้อมค้อมอ่ะ

คำปราศัยไม่ต้องมีสำบัดสำนวนการเมือง ไม่มีภาษากฎหมาย ไม่มี “จริต” แบบขบวนการเมืองที่สังคมไทยเคยเจอๆกันมา

เห็นเด็กๆและจำนวนคนที่มาม็อบแล้วปลื้มใจจริงๆ บางคนนี่โคตรเด็ก บางคนพ่อพามา บางคนมากับพ่อแล้วผลัดกันถ่ายรูป

เด็กบางคนถามเพื่อนว่า เรื่องนี้หมายถึงอะไรวะ แล้วเพื่อนก็อธิบาย ฉอดๆๆ

เด็กอีกกลุ่ม ใส่ชุดมัธยม เล่นละครใบ้ เรื่องเทวดากับทาส เป็น performance art กลางวงม็อบ

ฯลฯ

ณ จุดนี้ มั่นใจมากๆว่าไม่ว่าจะยังไงต่อไป แต่ประเทศไทยแม่งไม่มีทางเหมือนเดิมแน่นอน ยิ่งการรักประชาธิปไตยสามารถเป็นวัฒนธรรมได้แล้ว ยิ่งไปไกลแน่นอนอ่ะ

วันนี้ (และอีกหลายๆวันที่ผ่านมา) มันน่าจะชัดแล้วล่ะว่า landscape ประชากร และบริบทสังคม มันเปลี่ยนไป จน landscape การเมืองไทยก็(ต้อง)เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน จะมากหรือน้อย แต่นี่คือสิ่งใหม่แน่ๆ

ขณะที่เขียนอยู่นี้ บนเวทีกำลังร้องเพลงฮิปฮอป ด่า สว ด่า ประยุด กันอยู่ โดยฉากหลังคืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

แล้วจะไม่ให้นับว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ได้อย่างไร

ดีใจจริงๆที่ลุงแก่ๆ อย่างกู มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของภาพนี้

จบ

ปล. ในที่สุดเราก็เลิกคุยกันเรื่อง 14 ตุลาได้เสียทีนะ (สาธุ ไอ้สัส)”

#มิตรสหายท่านหนึ่ง