วันอังคาร, กรกฎาคม 07, 2563

‘ธรรมดาใหม่’ ประยุทธ์ ๒ จะเอา ‘บ่วงอุปทาน’ ของทรั้มพ์ ๐.๑ ดีไหม


จริงไหม คนไทยไม่กลัวโควิด อย่างที่ หมอแก้ว ประชด ส่วนที่ว่า “อยากให้มันกลับมาอีก” น่ะหรือ คงมี โดยเฉพาะพวกที่ เบิกง่าย จ่ายคล่องในวงรัฐบาล เดี๋ยวเงินกูล้านล้านก็มา ถ้าโควิดกลับมาใหม่ก็ง่าย เผลอๆ ได้กู้เพิ่ม

นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค โพสต์ข้อความ ‘sarcastic’ “ประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงขึ้น ร้านค้าให้ความสำคัญกับเงินมากกว่าการป้องกัน...ไม่ใส่ใจที่จะไม่ยอมให้คนไม่ใส่หน้ากากเข้าร้าน...ไม่ยอมบอกให้ลูกค้าใส่หน้ากาก”
 
นั่นเป็น ธรรมดาใหม่อย่างที่รัฐบาลประยุทธ์ ๒ ต้องการหรือไม่ น่าจะใช่ เพราะตอนนี้รัฐบาลต้องการให้อะไรๆ กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง คนไทยรักสนุก ถึงจะอดตายได้รื่นเริงก็คลายทุกข์แล้ว ช่วงสองสามวันมานี่มีเหตุให้เห็นเช่นนั้น

รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข นำลงภาพงานเลี้ยงที่ตนไปร่วมฉลองวันชาติสหรัฐในบ้านพักของทูตอเมริกัน เจตนาน่าจะแสดงว่าตนเอง ‘popular’ ในแวดวงสังคมชั้นสูง แล้วอาจหมายสร้างคะแนนนิยมนอกวง ที่ว่าชิดเชื้อกันดีกับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน

อนุทิน ชาญวีรกูล นี่อ่านไต๋ไม่ยากพอกับผู้นำไม่ ฉลาดน้อยขานี้ประมาณทำท่าจะ ตกอับเมื่อพรรคร่วมรัฐบาลนักฉกฉวยอย่าง ปชป.คุยนักว่าเป็นพรรคร่วมฯ ที่ได้รับความนิยมมากสุด (จากโพลกรรณิกา) เสี่ยหนูก็เลยเอารูปเคียงข้าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (หัวหน้าพรรคอันดับหนึ่ง) มาเกทับ

งานนั้นอ้างว่า “ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด” ได้แก่ ลดจำนวนผู้ปฏิบัติงานเหลือแค่ที่จำเป็น...จำกัดจำนวนแขกที่มาร่วมงานเหลือเพียงบุคคลสำคัญ” ก็เลยเห็นภาพยืนสลอนไหล่ชนไหล่

เข้าเมืองตาหลิ่ว หลิ่วตาตามเขาว่า ทั้งตัวทูตคนนี้และ ผบ.ทบ. สายทรั้มพ์ที่เพิ่งมาเยือน แดงหย่าย(ผู้กำลังโดนแซวว่า ต่ออายุตำแหน่งกุมอำนาจทัพบกเท่านั้นไม่พอ ให้บัญชาการสี่เหล่าทั้งกองทัพไปเลยสิ้นเรื่อง) จำนวนคนติด-คนตายเพิ่มในอเมริการะลอกใหม่ ช่างแม่ง

ถึงได้เป็นเรื่องสิ “คนไทยถูกขู่ทุกวันว่าอย่าการ์ดตก หลายคนถูกดำเนินคดีข้อหาทำผิด พรก.ฉุกเฉิน แถมยังถูกประณามว่าไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวม แต่รัฐมนตรีสาธารณสุข รองโฆษก ศบค. (คุณหมอบุ๋ม พรรณประภา ยงค์ตระกูล)...ไม่ใส่หน้ากาก ไม่รักษาระยะห่าง” (@sunaibkk)

ก็นี่ไง หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิกระดับรองนายกฯ โฆษกฯ (หวานตา) หัวหน้าพรรคค้าน และรัฐมนตรีจากทีมวางยารัฐประหาร แถมหัวโจก สว.ลิ่วล้อตู่ตั้ง ไปสุมหัวกันที่บ้านทูต เมกันจิบชองปาญเหยียบอีกแคมเอาไว้ ไอยังไม่ได้อยู่ในอุ้งมังกรนะ

ทำไปทำมา มหามิตรใหม่ชักจะไม่ได้เรื่อง กระทั่ง ตัวอย่างรางรถไฟเร็วสูงปากช่อง โคราช แค่ ๓.๕ กิโลเมตร ป่านนี้ยังเห็นแค่คันดิน เปลี่ยนไปเป็น ‘supply chain’ ของอเมริกาดีกว่า ก็เลยว่าตามกัน ไม่ยอมสวมหน้ากากแบบทรั้มพ์บ้าง

ถ้าถามชาวบ้านว่าไม่กลัวโควิดใช่ไหม เขาจะบอกกลัวอดตายมากกว่า คือถ้ายังมีโควิดแล้วเยียวยามาไม่หยุดก็ดีแน่ แต่เยียวยาเวลานี้ก็ขอดก้นหม้อกันแล้ว รอกู้ล้านล้านมาต่อลมหายใจ ก็ยังต้องรอกระบวนการอีกระยะหนึ่ง ปัญหาก็คือประชาชนจะรอไม่ไหว

วันนี้ สภาอุตสาหกรรมไทย “ยังคงกังวลเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง...ไม่สามารถประคองตัวเองให้อยู่รอดได้ อาจนำไปสู่สึนามิเศรษฐกิจในที่สุด” ขณะที่แผนกวิจัยธนาคารกรุงศรีอยุธยา “คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๖๓ จะหดตัว ๑๐.% ต่ำกว่าช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียปี ๒๕๔๑”

วิจัยกรุงศรีชี้อีกว่าวิกฤตโควิดกระทบหนักที่แรงงานไทยถึง ๘๐% ทั้งที่คาดหมายกันว่าจะตัดทอนไปแค่ครึ่งเดียว และไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ผลร้ายจะมีต่อรายได้ครัวเรือน เดิมคาดไว้ที่ ๑๐% ตอนนี้ไม่ใช่เสียแล้ว แรงงานไทยอาจตกต่ำถึง ๓๐%

ถึงอย่างนั้น รองประธานสภาอุตสาหกรรมให้ความหวังว่า “ธุรกิจที่เป็นไฮเทคโนโลยี ดิจิทัล สุขภาพ การแพทย์ อาหาร จะมีโอกาสรอดสูง” มิน่าทูตสหรัฐเสนอให้อเมริกาเข้ามาฝัง บ่วงอุปทานกิจการเหล่านี้ในไทย

ดูเหมือนคณะสืบทอดอำนาจ คสช.ยังละล้าละลังจะไปทางไหนดี ระหว่างมหามิตรใหม่กับมหามิตรเก่ากลับมาใหม่ ยังมีเวลาคิดอีกหลายปีกว่าจะครบวาระ แต่จะคิดนานเกินสามเดือนไม่ได้นะ เพราะอเมริกาจะเลือกตั้งใหม่พฤศจิกานี้แล้ว

เรื่องต้องคิดอยู่ที่ตอนนี้ทรั้มพ์ ตกอับอย่างมาก ทั้งจากความอวดเก่งกับโควิดจนประเทศศูนย์เพาะเชื้อสู่ระลอกสองขณะนี้ แล้วยังความที่เป็นพวกเหยียดผิวสร้างความแตกแยกในชาติ พยายามเขี่ยทิ้งสมยา เบ้าหลอมแห่ง Americanism

มองไม่เห็นทางว่าไม่ถึงสามเดือนทรั้มพ์จะทวนกระแสความเป็นอเมริกันไปได้แค่ไหน สามปีที่เอาแต่จะล้มล้างสิ่งๆ ดีๆ ที่ประธานาธิบดีคนก่อนๆ สร้างไว้ หลายอย่างล้มไม่สำเร็จ จะโดนกระแสยี้ตีกลับย่อยยับตกกระป๋อง

ผู้เผด็จการไทยก็ต้องคิดให้มากๆ จะไปจูบปากผู้ (ที่อยากเป็น) เผด็จการอเมริกัน (แต่คงไม่สมอารมณ์หมาย) จะดีหรือ อีกสามเดือนเขาก็ไปแล้วทำไง