‘สี่กุมาร’ ลาออกจากพลังประชารัฐที่พวกตนเป็นต้นแรงจัดตั้งมา
ไม่ต้องเขี่ย ไม่ต้องไล่ ไปตามแรงผลักจากการ “ขย่มกันทั้งสองฝ่าย...ผมก็ไม่รู้ ผมก็ต้องดูว่าใครขย่มใคร
และใครถูกใครผิด ผมก็จะตัดสินของผมเอง” เป็นการยืนยันจากปากหัวหน้าใหญ่เองว่าใช่ ‘กัดกัน’
แม้นว่าทั้งสี่ (จากปาก อุตตม สาวนายน) บอกตอนนี้ยังไม่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย
หัวหน้าใหญ่ว่า “ในขณะที่ยังมีวิกฤตหลายด้าน...วันนี้ก็ต้องทำงานกันไปก่อน”
แต่เมื่อไหร่ปรับ ครม.ทีมเศรษฐกิจโดนด้วยแน่ โดยจะคืนโควต้าให้ พปชร.
แต่ตัวหัวหน้าจะมาจากคนนอก “มองคนนอก
มองไว้ว่าเขาจะรับมั้ย มองไปทั่ว การยอมรับหรือไม่ ต้องรอดู” แสดงว่าคนที่เป็นข่าวใหญ่อยู่นั้นคง
‘ยี้เกินไป’ ถึงไม่ใช่หัวหน้าก็น่าจะอยู่ในทีม
ไหนๆ ก็อยู่ในสาย ‘บิ๊ก’ แล้ว ถึงจะ ‘บิ๊กอายส์’ ก็ไม่เบา
หากแต่หนทางข้างหน้าในการกู้เศรษฐกิจที่เกือบย่อยยับไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือน
ยึดอำนาจและเข้าไปเป็นนายกฯ ขนาดนั้นตลอดหกปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าการเป็นนายกฯ
ราชอาณาจักรไทยยากเหมือนกัน ขนาดประมุขไม่เคยอยู่บ้านนานๆ ที ‘มาเช้าเย็นกลับ’ ยังโดนเฉ่ง
จากที่ Pavin Chachavalpongpun ไปเก็บข่าวลี้ลับมาจากใครไม่รู้ ตอน...ที่สวนอัมพร
ได้เรียกประยุทธ์ไปเข้าพบ ใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที...ปิดห้องคุยกัน
หนึ่งในผู้ร่วมสนทนาอีกคนคือไอ้ ‘ค้อก’...ตำหนิและก็ดุ
พอออกมาจากห้องหน้าเสียเลย”
นั่นเรื่องของคนไม่กี่คน (แต่เครือข่ายคงเยอะ)
ยังเหลวไหล แล้วเรื่องใหญ่ๆ อย่างปากท้องของประชาชนทั่วประเทศ ลากมาปริ่มๆ อยู่ปากเหวยังไม่รู้จะทำไง
ใครช่วย ข้างหลังภูผา ข้างหน้าก็ลึกเสียเหลือเกิน
ดังที่หนึ่งในสี่กุมารที่เตรียมกราบลาเตือน
‘ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด’ ยิ่งกว่าน่าห่วง “การส่งออกติดลบถึง ๒๒% และถ้าไม่รวมทองคำจะติดลบถึง
๒๙%” กอบศักดิ์ ภูตระกูล
พูดถึงประเด็นจะต้องถกกันหนักวันรุ่งขึ้น “การผลิตภาคอุตสาหกรรมติดลบ ๒๐% การผลิตและการลงทุนติดลบ ๑๐%”
หนักหนาสากัณฑ์ “เป็นผลกระทบ...รุนแรงในรอบหลายๆ
ปี” (อย่างน้อยก็ ๖) รองเลขานายกฯ ให้ข่าวไปไม่ทันไร นายกฯ สั่งงดประชุมวันที่ ๑๐
กรกฎาเสียแล้ว เดาเอานะทั่นหัวหน้าคงนึก “จะไปก็ไป ไม่ต้องมาทำอ้อยอิ่งสร้างราคา”
หรืออาจจะเห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจยังไม่วุ่นวายเท่าลิงยกพวกตีกันในพรรครัฐบาลก็ได้
แหมอยู่กันมาอย่างนี้จะเจ็ดปีแล้ว บ่นกันไปมากเรื่อง ถามซีพี ไทยเบฟ สหพัฒน์
ช.การช่าง ฯลฯ ไม่มีใครว่าอะไร กระทั่ง ‘ศรีไทยซุปเปอร์แวร์’
ยังขยายไปเปิดโรงงานใหม่ที่เวียดนามแล้วเลย
เรื่องทะเลาะแก่งแย่งในพลังประชารัฐนั่นเละเทะพอตัวอยู่แล้ว
อุตส่าห์ย้ำไว้เสมอๆ “ผมไม่ใช่สมาชิกพรรค”
ก็หนีไม่พ้นเมื่อทุกคนที่ออกมากัดกันอ้างว่าเพื่อเฮียทั้งสองข้าง แล้วยังต้องหาทางแยบยลเข้าไป
‘อุ้ม’ หนีสุนัขเฝ้าบ้านอีกล่ะ
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พรรคเสรีรวมไทย
ฝ่ายค้านที่เปิดโปงการทุจริตเลือกตั้งซ่อมเขต ๔ ลำปาง มาตั้งแต่ปิดหีบบัตรเมื่อ ๒๐
มิ.ย. ตอนนี้ได้สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการ กกต. ช่วยประจานอีกคน
เปิดหลักฐานเพียบ นัยว่า “อาจนำไปสู่การยุบพรรคการเมือง” ได้
ช่วยกัน ‘สาวไส้’
หัวคะแนนช่วย พปชร.ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีทั้ง อสม. กำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน ทำการซื้อเสียงโจ๋งครึ่ม หัวละ ๓๐๐ บาท บางท้องที่แพงหน่อย ๕๐๐ บาท “ขณะนี้มีผู้ให้ข้อมูลหลักฐานแล้ว
๑๐๒ คน และมี ๒๕ คนที่พร้อมเป็นพยาน”
ขึ้นไปถึงระดับรองนายกฯ และรัฐมนตรี
โดยเจาะจง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ทั่นรองนายกฯ และหัวหน้าพรรคลงพื้นที่ก่อนเลือกตั้งสองวัน
เรียกประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน สั่งการ “ให้มีโครงการเข้ามาในพื้นที่เขตเลือกตั้ง”
สร้างโรงอบสมุนไพร ๑๖ ล้านบาท
อ่างเก็บน้ำแม่ปะ ๑๕๐ ล้านบาท สร้างถนนและจัดสรรที่ดินทำกิน เป็นอาทิ
อันนี้สมชัยชี้ว่า “เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้จากรัฐบาลและพรรคการเมือง ตาม ม.๗๓(๒) ของกฎหมายเลือกตั้ง” อันนี้โทษจำคุก ๑๐ ปี
ตัดสิทธิ ๒๐ ปี
แล้วยังร้องศาลรัฐธรรมนูญ
สั่งยุบพรรคการเมืองตามข่ายความผิดมาตรา ๑๓๒ กม.เลือกตั้งได้อีกด้วย
ถึงจะมีใครต่อใครเชื่อว่า ตลก. รธน.คงจะทำให้รอดอีกตามเคย เพราะพวกนี้ไม่ยึดเหตุผลของตัวบทกฎหมายเท่าไร
ตีความกันตามญานวิเศษของตน (ไม่เชื่อไปถามอุกฤษ มงคลนาวิน เคยแคะไว้เมื่อปี ๕๗)
หนักอีกอย่าง ‘สวมสิทธิแทนกัน’ ในอำเภอเถินมากกว่าเพื่อน ๓๐ ราย สมชัยมีหลักฐานคลิป
“เสียงของประชาชนที่ถูกสวมสิทธิ์มาเปิดต่อสื่อมวลชน
ภายในคลิปมีการระบุว่ามีผู้ถูกสวมสิทธิ์มากถึง ๖๐ ราย” อันนี้ผิดมาตรา ๙๔ โทษคุก
๑๐ ปีเช่นกัน
ฝ่ายค้านเร่งแถลงข่าวกันตอนนี้ให้ตรวจสอบก่อน
เพราะมีเวลารอประกาศผลได้ถึง ๑๙ สิงหา กลัวว่า กกต.จะใช้ชั้นเชิงเดิมๆ
เร่งรัดประกาศผลออกมาก่อน อ้างว่าไม่เป็นไร ผิดจริงสอยทีหลัง แล้วทำเป็นยุ่งจนลืมปล่อยให้คดีหลังเย็น