วันพุธ, เมษายน 01, 2563

หวิดไปไหมล่ะ นี่ถ้าไม่โวยกันก็ฟาดไปมันๆ ๖,๑๐๐ ล้านแล้วสิ


หวิดไปไหมล่ะ นี่ถ้าไม่โวยกันก็ฟาดไปมันๆ ๖,๑๐๐ ล้านแล้วสิ วานนี้ (๓๑ มีนา) พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ถอนวาระอนุมัติสัญญาต่อเรือยกพลขึ้นบกกับจีนออกไป ซึ่งไม่แน่ว่าจะขยิกๆๆๆๆ เข้ามาซิ อีกเมื่อไรก็ได้

เพราะกองทัพเรือเจ้าของโครงการออกมาแจงว่า นั่นไม่ใช่โครงการใหม่แต่อย่างใด ครม.ได้อนุมัติจัดซื้อไว้แล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ โน่น และที่คณะรัฐมนตรีเตรียมจะพิจารณานั้นเป็นเพียง “การส่งคณะกรรมการไปตรวจแบบเรือ, การเตรียมส่งทหารไปฝึก” เท่านั้น

เตรียมไว้ “เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ คลี่คลายแล้ว” โฆษกกกองทัพเรือแจ้งด้วยว่าตอนที่รอง ผบ.ทร.เซ็นสัญญากับจีนตอนนั้น ก็เพื่อว่าจ้างต่อเรือ แอลพีดีไว้เป็นเรือพี่เลี้ยงให้แก่เรือดำน้ำ “เพื่อภารกิจยกพลขึ้นบกบรรเทาสาธารณภัย”


ไหนๆ ทร.บอกว่าไม่ใช่โครงการใหม่ ก็ลองย้อนไปดูโครงการเก่ากันหน่อย เมื่อ ๒๒ กันยา ๖๒ ผบ.ทร. ก็ตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์การสั่งต่อเรือแอลพีดีจากจีนนี้มาแล้วว่า (อุตส่าห์) เลื่อนแผนซื้อเรือพิฆาต ฟรีเกต จากเกาหลีใต้ออกไป (แล้วเชียว)

นั่นก็มาแทนแผนต่อเรือดำน้ำลำที่สองจากบริษัทแดวู หลังจากที่ได้เรือดำน้ำลำแรก เรือหลวงภูมิพลอดุลเดชด้วยงบประมาณเกือบ ๑ หมื่น ๕ พันล้านมาแล้ว ทั้งหมดก็มารวบรัดเอาว่าให้ต่อเรือยกพลขึ้นบกโดยสั่งจากจีนแทน ถูกกว่ากันกว่าครึ่ง

“จะหาว่าทหารเรือฉวยโอกาสต่อเรือใหม่ ซึ่งเรื่องจริงไม่ใช่ แต่เป็นไปตามแผนโครงสร้างกำลังรบของกองทัพเรืออยู่แล้ว” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ พูดเสียงแกร่งเมื่อตอนนั้น ครั้นเมื่อนักข่าวถามซักไซร้ “ว่าฟังก์ชั่นที่ทางจีนให้มีอะไรพิเศษหรือไม่”

ผบ.ทร.ไม่ยอมให้รายละเอียด ตอบว่า “ต้องให้เกียรติทางการจีน เนื่องจากเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี หากไปก้าวก่ายจะดูไม่ดี ซึ่งเรือดังกล่าวทางการจีนยังคงใช้ประจำการอยู่” โอ้ ทร.นี่มารยาทดี๊ดี ให้เกียรติคนรับทรัพย์มากกว่าคนจ่าย (ผู้เสียภาษี)
 
ยังมีเหตุผลสำคัญที่ต้องซื้อเรือยกพลจากจีนให้ได้ จากที่มีข้อกังขาว่า ทำไมต้องจีนผบ.ทร.ชี้ว่า “ก็แล้วแต่คนจะโจมตี หากพูดไปมากๆ จะหาว่าเป็นการแก้ตัว ขอให้ไปหาว่าการต่อเรือขนาดใหญ่ในราคาขนาดนี้ ท่านต่อได้หรือไม่”

แม่ทัพเรือยังกร้าวในตอนนั้นเสียด้วยว่า ไม่ชอบที่จะเปิดเผยเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่อสื่อ “ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นความลับทางทหาร” อีกทั้ง “ถือว่าเป็นความกรุณาของจีน ที่ขายเรือชุดนี้ให้กับเรา ธรรมดาไม่มีทางขายหรอก เราโชคดีที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน” นักข่าวก็สั่นไปสิ

แล้วมาดูเสียงค้านอย่างทหารเก่าอดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่บ้าง พล.ท.พงศกร รอดชมภู แนะว่า “สมควรขอเลื่อนไปงบประมาณหน้า ประเทศที่อยากยกกำลังไปบุกเขายังไม่ย้ายไปไหน ประเทศที่ขายเขาก็คงเข้าใจ”

เขาอ้าง “นักการทหารที่ดี รักชาติและเป็นมืออาชีพต้องโยกย้ายทรัพยากรที่มีเพื่อต่อสู้จัดการกับข้าศึกเฉพาะหน้าก่อน” หมายถึงโรคระบาด โควิด-๑๙ว่าเป็น “ศัตรูมาถึงหน้าบ้านประชาชนแล้ว” ถ้ายังฝืนจะเอาเรือยกพลก็เท่ากับ “ที่ผ่านมาแอบอ้างการรักชาติ”


อีกคนนี่แบบว่ากร้าวเลย อดีตรองนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย กิตติรัตน์ ณ ระนอง โพสต์ว่า “ในภาวะแบบนี้...อย่าบังอาจซื้อเรือยกพลขึ้นบก สนับสนุนเรือดำน้ำ” เชียวนะ ทั้ง ทร.และกลาโหมก็คงไม่กล้าน่ะแหละ หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้

ทางโซเชียลจี้กันชนิดไฟรนก้น ถึงผลได้ผลเสียตำตา อย่างราย Wiroj77@wirojlak บอกว่าค่าเรือยกพล ๖,๑๐๐ ล้านนี่นะ “สามารถเยียวยาประชาชนเดือนละ ๕ พันบาทเป็นเวลา ๓ เดือน เพิ่มได้อีก ๔๐๖,๖๖๗ คน” เชียว

หรือจะเอาไปซื้อเครื่องช่วยหายใจ IPPV ได้ ๗,๑๗๖ เครื่อง ซื้อชุด PPE ได้ ๕ ล้านชุด ซื้อหน้ากากอนามัยได้ ๒,๔๔๐ ล้านชิ้น หรือซื้อหน้ากาก N95 ได้ ๑๗๔ ล้านชิ้น ซึ่งความจริงก็เป็นดังนั้น
 
ในสถานการณ์อย่างนี้ ควรที่จะมีโรงพยาบาลเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ เตียงคนไข้รับได้กว่า ๓ พันแบบในอเมริกา

ลำหนึ่งแล่นจากฐานทัพเรือซานดิเอโกไปจอดยังท่าลอส แองเจลีส รับคนไข้ปกติจากโรงพยาบาลบนฝั่งไปรักษาต่อ อีกลำจอดอยู่นอกฝั่งนครนิวยอร์ค เพื่อเปิดพื้นที่ทางการแพทย์ให้แก่การต่อสู้รับมือโคโรน่าไวรัส