หวิดไปไหมล่ะ นี่ถ้าไม่โวยกันก็ฟาดไปมันๆ
๖,๑๐๐ ล้านแล้วสิ วานนี้ (๓๑ มีนา) พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม
ถอนวาระอนุมัติสัญญาต่อเรือยกพลขึ้นบกกับจีนออกไป ซึ่งไม่แน่ว่าจะขยิกๆๆๆๆ
เข้ามาซิ อีกเมื่อไรก็ได้
เพราะกองทัพเรือเจ้าของโครงการออกมาแจงว่า
นั่นไม่ใช่โครงการใหม่แต่อย่างใด ครม.ได้อนุมัติจัดซื้อไว้แล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
๒๕๖๒ โน่น และที่คณะรัฐมนตรีเตรียมจะพิจารณานั้นเป็นเพียง “การส่งคณะกรรมการไปตรวจแบบเรือ,
การเตรียมส่งทหารไปฝึก” เท่านั้น
เตรียมไว้ “เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙
คลี่คลายแล้ว” โฆษกกกองทัพเรือแจ้งด้วยว่าตอนที่รอง ผบ.ทร.เซ็นสัญญากับจีนตอนนั้น ก็เพื่อว่าจ้างต่อเรือ
‘แอลพีดี’ ไว้เป็นเรือพี่เลี้ยงให้แก่เรือดำน้ำ
“เพื่อภารกิจยกพลขึ้นบกบรรเทาสาธารณภัย”
(https://prachatai.com/journal/2020/03/87003
และ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/873624?fbclid)
ไหนๆ ทร.บอกว่าไม่ใช่โครงการใหม่
ก็ลองย้อนไปดูโครงการเก่ากันหน่อย เมื่อ ๒๒ กันยา ๖๒ ผบ.ทร. ก็ตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์การสั่งต่อเรือแอลพีดีจากจีนนี้มาแล้วว่า
(อุตส่าห์) เลื่อนแผนซื้อเรือพิฆาต ‘ฟรีเกต’ จากเกาหลีใต้ออกไป (แล้วเชียว)
นั่นก็มาแทนแผนต่อเรือดำน้ำลำที่สองจากบริษัทแดวู
หลังจากที่ได้เรือดำน้ำลำแรก ‘เรือหลวงภูมิพลอดุลเดช’
ด้วยงบประมาณเกือบ ๑ หมื่น ๕ พันล้านมาแล้ว
ทั้งหมดก็มารวบรัดเอาว่าให้ต่อเรือยกพลขึ้นบกโดยสั่งจากจีนแทน ถูกกว่ากันกว่าครึ่ง
“จะหาว่าทหารเรือฉวยโอกาสต่อเรือใหม่
ซึ่งเรื่องจริงไม่ใช่ แต่เป็นไปตามแผนโครงสร้างกำลังรบของกองทัพเรืออยู่แล้ว” พล.ร.อ.ลือชัย
รุดดิษฐ์ พูดเสียงแกร่งเมื่อตอนนั้น ครั้นเมื่อนักข่าวถามซักไซร้ “ว่าฟังก์ชั่นที่ทางจีนให้มีอะไรพิเศษหรือไม่”
ผบ.ทร.ไม่ยอมให้รายละเอียด ตอบว่า “ต้องให้เกียรติทางการจีน
เนื่องจากเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี หากไปก้าวก่ายจะดูไม่ดี
ซึ่งเรือดังกล่าวทางการจีนยังคงใช้ประจำการอยู่” โอ้ ทร.นี่มารยาทดี๊ดี ให้เกียรติคนรับทรัพย์มากกว่าคนจ่าย
(ผู้เสียภาษี)
ยังมีเหตุผลสำคัญที่ต้องซื้อเรือยกพลจากจีนให้ได้
จากที่มีข้อกังขาว่า ‘ทำไมต้องจีน’ ผบ.ทร.ชี้ว่า “ก็แล้วแต่คนจะโจมตี หากพูดไปมากๆ จะหาว่าเป็นการแก้ตัว
ขอให้ไปหาว่าการต่อเรือขนาดใหญ่ในราคาขนาดนี้ ท่านต่อได้หรือไม่”
แม่ทัพเรือยังกร้าวในตอนนั้นเสียด้วยว่า
ไม่ชอบที่จะเปิดเผยเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่อสื่อ “ไม่ควรอย่างยิ่ง
เพราะเป็นความลับทางทหาร” อีกทั้ง “ถือว่าเป็นความกรุณาของจีน
ที่ขายเรือชุดนี้ให้กับเรา ธรรมดาไม่มีทางขายหรอก
เราโชคดีที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน” นักข่าวก็สั่นไปสิ
แล้วมาดูเสียงค้านอย่างทหารเก่าอดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่บ้าง
พล.ท.พงศกร รอดชมภู แนะว่า “สมควรขอเลื่อนไปงบประมาณหน้า
ประเทศที่อยากยกกำลังไปบุกเขายังไม่ย้ายไปไหน ประเทศที่ขายเขาก็คงเข้าใจ”
เขาอ้าง “นักการทหารที่ดี
รักชาติและเป็นมืออาชีพต้องโยกย้ายทรัพยากรที่มีเพื่อต่อสู้จัดการกับข้าศึกเฉพาะหน้าก่อน”
หมายถึงโรคระบาด ‘โควิด-๑๙’ ว่าเป็น
“ศัตรูมาถึงหน้าบ้านประชาชนแล้ว” ถ้ายังฝืนจะเอาเรือยกพลก็เท่ากับ “ที่ผ่านมาแอบอ้างการรักชาติ”
(https://www.voicetv.co.th/read/nxlin9p6_?fbclidM4vU, https://www.matichon.co.th/politics/news_1668733 และ https://www.matichon.co.th/politics/news_1681322)
อีกคนนี่แบบว่ากร้าวเลย อดีตรองนายกฯ
จากพรรคเพื่อไทย กิตติรัตน์ ณ ระนอง โพสต์ว่า “ในภาวะแบบนี้...อย่าบังอาจซื้อเรือยกพลขึ้นบก
สนับสนุนเรือดำน้ำ” เชียวนะ ทั้ง ทร.และกลาโหมก็คงไม่กล้าน่ะแหละ
หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้
ทางโซเชียลจี้กันชนิดไฟรนก้น
ถึงผลได้ผลเสียตำตา อย่างราย Wiroj77@wirojlak บอกว่าค่าเรือยกพล ๖,๑๐๐ ล้านนี่นะ “สามารถเยียวยาประชาชนเดือนละ ๕
พันบาทเป็นเวลา ๓ เดือน เพิ่มได้อีก ๔๐๖,๖๖๗ คน” เชียว
หรือจะเอาไปซื้อเครื่องช่วยหายใจ IPPV
ได้ ๗,๑๗๖ เครื่อง ซื้อชุด PPE ได้ ๕ ล้านชุด
ซื้อหน้ากากอนามัยได้ ๒,๔๔๐ ล้านชิ้น หรือซื้อหน้ากาก N95 ได้
๑๗๔ ล้านชิ้น ซึ่งความจริงก็เป็นดังนั้น
ในสถานการณ์อย่างนี้ ควรที่จะมีโรงพยาบาลเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่
เตียงคนไข้รับได้กว่า ๓ พันแบบในอเมริกา
ลำหนึ่งแล่นจากฐานทัพเรือซานดิเอโกไปจอดยังท่าลอส
แองเจลีส รับคนไข้ปกติจากโรงพยาบาลบนฝั่งไปรักษาต่อ อีกลำจอดอยู่นอกฝั่งนครนิวยอร์ค
เพื่อเปิดพื้นที่ทางการแพทย์ให้แก่การต่อสู้รับมือโคโรน่าไวรัส