วันพุธ, เมษายน 08, 2563

ผ่านแล้ว ๒ ล้านล้าน กู้บ้างไรบ้างสู้โควิด ขณะที่จีดีพีติดลบเพิ่มเป็น -๕.๐%

และแล้วตัวเลข ‘ถลุง’ ก็ลงตัว อ้อยอิ่งมาหนึ่งอาทิตย์จากต้องการ ๒ แสนล้าน มาจบที่ ๒ ล้านล้านบาท เฉพาะ พรก.กู้ใหม่ไว้ให้ลูกหลานตามใช้หนี้ก็เข้าไป ๑ ล้านล้านแล้ว

ที่เหลืออีกสอง พรก. ใช้อุ้มสถาบันการเงินและตลาดหุ้น ๙ แสนล้าน แถมด้วยอีกหนึ่ง พรบ. ขอโอนงบประมาณปี ๖๓ ที่คุยไว้ว่าจะตัดจากกระทรวงต่างๆ แห่งละ ๑๐ เปอร์เซ็นต์นั่น เอาไปโปะงบกลางราว ๘ หมื่นล้านถึง ๑ แสนล้าน

ส่วนที่ประชากรร้องแรกแหกกะเฌอกันว่า ตัดจากเงินบำเรอ สว.สิ ก็หมดหวังตามเวรกรรม

พวก สว.ทั่นก็ทำท่าจะหน้าบางเหมือนกันนะ เงียบเชียบมานานตั้งแต่เกิดโควิด-๑๙เนี่ย เพิ่งมาเปิดก้นถกเรื่องตัดเงินเดือนเอาไปสู้โควิดเมื่อวานซืน เสรี สุวรรณภานนท์ ได้เป็นพระเอกอภิปรายสนับสนุนบริจาคตามอัตภาพ ยอมรับว่าแต่ละคนใช้จ่ายส่วนตัวไม่เหมือนกัน

ไม่วายวกไปแก้ภาพพจน์เสียหน่อยก่อน “ส.ว.ทุกคนทำงานกันตลอด ไม่ได้อยู่เฉยๆ มีการหารือกันตลอดเวลา ที่ผ่านมานำสิ่งของไปแจกประชาชนตลอด มีทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว” หารือ น่ะนะเพ่ย ได้ไรมั่ง
 
เสร็จแล้วโดน สว.นักเลง เบรคหัวขะมำ “นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.กล่าวว่าไม่เห็นด้วย หากจะให้ส.ว.สละเงินเดือนทั้งหมดไปช่วยแก้ไขสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-๑๙” เพราะ “ไม่ได้รวยเหมือนกันทุกคน บางคนมีแค่เงินเดือนอย่างเดียว แต่มีภาระค่าใช้จ่ายในการลงพื้นที่มาก...

ประเทศไทยยังไม่สิ้นไร้ไม้ตอก ถังแตกถึงขนาดที่ต้องให้ ส.ส. ส.ว. และข้าราชการต้องสละเงินเดือนทั้งหมด รัฐบาลมีงบประมาณช่วยเหลืออยู่แล้ว” นักเลงคนที่ปกป้องนายกฯ สุดลิ่มนี่มีประวัติวางก้ามโด่งดังคราวที่อภิปรายแย้ง ส.ส.เพื่อไทย

คราวนั้นยุทธพงศ์ จรัสเสถียร เปิดญัตติ ประยุทธ์ จันทร์โอชา หนีสภา กิตติศักดิ์ลุกขึ้นต่อปากก้าวร้าวว่า “ผู้อภิปรายเป็น ส.ส.ขี้ข้าโจร” พอโดนย้อนว่าเป็น สว. เลียรองเท้าทหารเลยเดินไปชี้หน้าท้าออกไปเจอกันข้างนอกเสียนิ


นั่นอาจอธิบายได้ว่า โถ สว.ทหารตั้งก็ต้องมีประเภทตีหัวหมาด่าแม่เจ๊กกันบ้างสิ แต่นี่เค้ายกเหตุว่า “สละเงินเดือน ๓ เดือนก็ได้เงินมากสุดแค่ ๓๐๐ กว่าล้านบาท ไม่สามารถนำไปแก้ไขอะไรได้มาก” โหย สว.ตู่ตั้งนี่เงินหย่ายเสียจริง

ขนาดสามร้อยกว่าล้านบอกทำอะไรไม่ได้ ชักหวาดเสียว เดี๋ยวเขาบอกว่าเงินเดือนแสนกว่าไม่พอละลายน้ำ ต้องขึ้นให้อีกอย่างน้อยเท่าตัวเป็นสามแสนล่ะ ต้อง พรก.กู้ใหม่อีกไหม ถึงจะดันทุรังอ้างอีกว่าก่อหนี้ได้ถึง ๖๐ เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีก็เถอะ

ที่จะกู้ใหม่ ๑ ล้านล้าน อาจจะแค่ ๕๐ เปอร์เซ็นต์จีดีพีก็ตามที แต่ว่าตอนนี้จีดีพีไทยน่ะติดลบนะเธอว์ เมื่อวันก่อนสแตนดาร์ดชาร์เตอรด์แบ๊งค์เพิ่งประกาศขอปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยสำหรับปี ๒๕๖๓ นี้ลงไปอีก

เดิมจีดีพีไทยยุครัฐบาล ตูบสืบทอดอำนาจ คสช. นี่แค่ติดลบ ๑ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถึงแม้นั่นจะเป็นการติดลบมากสุดตั้งแต่ปี ๒๕๔๑ ที่ทำให้ชาวบ้านยังรุ่มๆ ไม่หาย แล้วนี่มาติดลบเพิ่ม ๕ เท่า เป็น -๕.๐% ก็คงต้องร้อนฉ่าละซี

ยังดีที่ ชาร์เตอรด์ให้ความหวัง “แม้จะยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวกลับมาเมื่อใด แต่ธนาคารมองว่าการฟื้นตัวน่าจะเกิดขึ้นหลังไตรมาสสองของปี ๒๕๖๓” ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำแบ๊งค์ฯ แถลง

หวังแต่ว่าเมื่อถึงตอนนั้นสถานการณ์โควิดระบาดจะสยบซบเซาลงได้ จากที่ด็อกเต้อโฆษก ศบค. (ฉุกเฉินโควิด) เขาชกลมให้ดูเมื่อวาน (๗ เมษา) ประชากรจะได้ไม่ต้องกระเส่าจากการเคอร์ฟิวขั้นหนัก เสียจนเกิดการยิงพระยิงเจ้าตายเข้าอีก
 
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน แจ้งล่าสุดว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินและมาตรการเคอร์ฟิวส์ได้ผล เพราะจากที่ตรวจไปแล้วเกือบ ๗ หมื่น ๒ พันราย จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ทั่นโฆษกพูดภาษามวยด้วยว่าถึงอย่างนั้นก็ต้อง “การ์ดไม่ตก” และ “ต้องตึงอย่างนี้ไปตลอด”

โฆษกคนนี้ดูจะพยายามทำให้ดูบุคคลิคตรงข้ามโปรเฟสเซ่อโฆษกหญิง หมายจะให้ถึงลูกถึงคนมั้ง เกี่ยวกับการที่นำผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศไปกักตัว ๑๔ วันที่สัตหีบ โดยนอนห้องละสามคน ทั้งบ่มทั้งแบ่งเชื้อไวรัสน่ะ

“แม้ว่าดีที่สุดคือการได้พักเดี่ยว แต่ห้องพักเราไม่เพียงพอ” พระเดชพระคุณหมออ้าง “ท่านรู้หรือไม่เวลาที่ท่านมาจะต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวนเท่าไหร่ ถ้าต้องมีพื้นที่แบบสัตหีบอีก ๑๐ แห่ง จะต้องใช้คนอีกเท่าไหร่”

โอเค ใช้เยอะ แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับความสะดวกสบายนะคุณหม (ขออภัยพิมพ์ตกตัว ) จะ “ฝากให้ทุกท่านได้อดทน” รับแพร่เชื้อน่ะเหรอ ถ้างี้ขอไม่ใส่ตัว ให้ครบละกัน

(https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_3902573, https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_3901170 และ https://www.posttoday.com/finance-stock/news/619968)