วันอาทิตย์, มีนาคม 15, 2563

เริ่มใช้วิธีการ ‘damages control’ กำกับความเสียหายกันแล้ว ทั้งบิ๊กๆ ผบ.เหล่าทัพ และ ปปช.


มันเป็นสัญญานบ่งบอกอะไรบ้างไหม เมื่อก๊วนสืบทอดอำนาจเริ่มใช้วิธีการ ‘damages control’ กำกับความเสียหายกันแล้ว ทั้งฝ่ายทหารและองค์กรอิสระ แน่ละ ไม่พอทั้งในกรณี ไม่รับเงินเดือน สว. และการแถลง เคารพมติที่ประชุมศาล

เทพไท เสนพงษ์ ส.ส.เมืองคอน ที่คอยแทงกั๊กบ่อยๆ กับทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะน้ำใต้ศอกร่วมรัฐบาลประยุทธ์ พูดถึงการประกาศไม่รับเงินเดือนในตำแหน่ง สว.ของ ๖ ผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า ชื่นชมพวกทั่นยอมสละ “สิทธิ์พิเศษกว่าบุคคลทั่วไป”

แต่จะให้ดีกว่านั้นพวก บิ๊กๆ ทั้งหลายควรจะแถลง “ปฏิเสธการเข้าเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยตำแหน่ง” เสียด้วย “เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นไปตามข้อเรียกร้องของหลายฝ่าย ที่ต้องการแยกกองทัพออกจากการเมืองอย่างเด็ดขาด”

สว.โดยตำแหน่งเหล่าทัพนี่กินเงินเดือนพิเศษกันคนละแสนกว่า บวกค่าเบี้ยอะไรต่อมิอะไร เดือนหนึ่งฟาดงบประมาณไปเป็นล้าน ที่คืนนี่อ้างว่าจะได้ไปช่วยรัฐบาลสู้กับไวรัสสัญชาติจีน ชาวบ้านจะได้เลิกด่าเสียทีว่ากินสองต่อ

ข่าว (กรุงเทพธุรกิจ) ว่าทั้งหกคนต้องคืนเงินเดือนย้อนหลังไปถึงเดือนพฤษภา ๖๒ คนละล้านกว่าๆ ไม่แน่ว่าพวกเขาเจ้าตัวจะตั้งใจอย่างนั้นหรือเปล่า เห็นที่พูดกันแรกๆ ก็ว่า “ทำเรื่องถึงสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อของดการรับเงินเดือน และเงินต่างๆ ในฐานะวุฒิสมาชิก” เท่านั้น

อย่างไรเสีย ที่พวกเขาเพิ่งมาคิดได้เอาตอนนั่งๆ นอนๆ กินเงินจากภาษีประชาชนจะครบปีนี่ต้องมีเหตุเบื้องลึกแน่ๆ การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ๑๙ เป็นปัจจัยนะใช่ แต่ในแง่ที่รัฐบาลซึ่งพวกเหล่าทัพช่วยกันแบกไว้บนบ่ากำลังทำท่าจะแย่

นายกฯ อดีตหัวหน้าคณะทหารที่ยึดอำนาจมาจากรัฐบาลพลเรือนแล้วมาสืบช่วงปกครองหลังเลือกตั้ง แสดงให้เห็นโดดเด่นในขณะนี้ว่าบริหารไม่เป็น และ เสียท่าจากกรณี โควิด ๑๙นี่ละ ไหนจะไม่กล้าตัดสินใจปิดประเทศ แล้วยังปล่อยให้เกิดการฉกฉวยโอกาสแสวงประโยชน์จากวิกฤต

อธิบดีกรมการค้าภายในฟัดกับสมาคมร้านค้ายา เรื่องการจำหน่ายและแจกจ่ายหน้ากากอนามัย กับ ส.ส.พรรครัฐบาลไปทะเลาะกับนักวิชาการ เรื่องโดนต้มที่เอาหน้ากากไร้คุณภาพและเป็นอันตรายไปแจก ซึ่งยังดำเนินอยู่ขณะนี้ เป็นตัวอย่าง

พวกแม่ทัพออกมาทำตัวเป็นผู้เสียสละส่วนเกินนี่ จะคิดว่าเตรียมไว้เผื่อจะต้องออกมาช่วยชาติอีก จะได้มีรอยด่างน้อยหน่อย ก็คงได้มั้ง


อีกรายที่ดูท่าที เปลี่ยนไป๊แม้จะไม่มากเท่าไร ก็ไม่ค่อยเหมือนเดิมนัก องค์กรอิสระที่ตลอด ๕-๖ ปีที่ผ่านมาล้วนทำตัวเป็น ลิ่วล้อ โดยสมบูรณ์ของคนตั้ง (คสช.) โดยเฉพาะ พ่อง ของเกือบทุกหน่วยงาน คือ ปปช.
 
วรวิทย์ สุขบุญ เลขาฯ ปปช.เปิดเผยว่าจะแถลงข่าวเรื่องคดีที่เล่นงานรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ปมเก่า “เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม” ๒ ล้านล้านบาท

นั้น “อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ได้ เรื่องนี้สมัยนั้นถูกยื่นศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นการผ่านร่างกฎหมายโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญ และศาลฯ ก็ได้ตีตกร่าง พรบ.ดังกล่าวไปแล้ว ปปช.เก็บเอามาทำเรื่องเล่นงานซ้ำ

ข่าวจะแถลงพรุ่งนี้ (๑๖ มีนา) แต่เลขาฯ ใจร้อยปล่อยเนื้อหาหลุดออกมาแล้วว่า ปปช.จะตีตกข้อกล่าวหาเสียละ “ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหากับพวก ยังไม่มีมูลความผิดตามที่กล่าวหา”

ตอนที่ชงเรื่องกันก็มุ่งมั่นจะตีสันหลังให้แหลก (พวกชาวบ้านที่ยังชื่นชมยิ่งลักษณ์พากันคิดว่าทำอย่างนี้เพราะ เห็นเขาหนีไปแล้วยังอยู่ยงคงกระพัน ซ้ำเริงรื่นเย้ยหยันความไม่เข้าท่าของรัฐบาลทหารเป็นครั้งคราว) แต่ตอนนี้ ลมเปลี่ยนทิศ ลิขิตเปลี่ยนทาง เพราะไอ้ไวรัสจากหวูฮั่นนี่ละ

ไม่เท่านั้น ประธาน ปปช. วัชรพล ประสารราชกิจ (ยศนายพลตำรวจเอก) ทำเป็นออกมาแสดงสปิริตยอมรับมติวินิจฉัยของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา แต่ยังไม่วายแสดงท่าทางวางก้ามเล็กน้อยว่า “ไม่เห็นด้วย” อ้างว่ารัฐธรรมนูญสามฉบับตั้งแต่ ๔๐ ถึง ๖๐ คุ้มครอง

เรื่องที่มติที่ประชุมศาลฎีกาบอก ปปช.สามารถถูกฟ้องกลับได้ หากมีผู้เสียหายจากการกระทำความผิดของ ปปช. เกิดขึ้น ให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๘ () ยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้น นั้นพวก ปปช. “ทุกคนไม่ค่อยสบายใจ”

วัชรพลอ้างว่ามติเช่นนั้นเป็นการ “ปล่อยให้ฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช. ง่ายๆ อาจทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ต้องทำอะไร เป็นจำเลยกันหมด” นี่ขอใช้คำของพวก ตลก.เลือกข้างบอกว่า ใช่สิ ถ้าไม่ได้ทำผิดแล้วใครเขาจะฟ้องได้เล่า

แล้ววัชรพลก็หลุดประโยคทองออกมา “เพราะถ้ามีการฟ้องเราได้หมด ปีๆ หนึ่งคงไม่ต้องทำอะไรกันเลย ใครก็ไม่อยากมาเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ถูกฟ้องทุกเรื่อง” อันนี้เข้าทาง Atukkit Sawangsuk เลยพอดี เขาบอก เยส เซอรี

“ว่าตามหลักทั่วไป ปปช.ก็ไม่สามารถเป็นองค์กรเทวดาที่ใครเอาผิดได้ยาก” อยู่แล้ว “ถ้าเป็นกรณีที่ ปปช.ไปกลั่นแกล้งคนอื่น ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ มันก็น่าจะต้องมีช่องเอาผิดอาญา ปปช.ได้” อธึกกิตว่า

“ยิ่งเป็น ปปช.ที่มาจากรัฐประหาร จะปล่อยให้มีอำนาจไปกลั่นแกล้งคนอื่นได้ไง...ทุกวันนี้ก็ไม่มีคนอยากเป็น ปปช.อยู่แล้ว มีแต่พวกประจบสอพลออำนาจ”