เจ้าสัวธนินท์ประกาศทุ่ม ๑๐๐
ล้านตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแจกฟรี คุยว่าซีพีมีเครือข่ายทั่วโลก
หาเครื่องจักรและวัตถุดิบอย่างดีได้ง่าย บอกรอ ๕
อาทิตย์เสร็จสรรพพร้อมผลิตได้เดือนละ ๓ ล้านชิ้น ทดแทนคุณประเทศไทย
จะว่าที่จริงตอบแทนกระทรวงคลังที่กำลังจะแจกเงินคนยากจน
คนชรา คนทำมาหากิน คนละพันสองพันเอาไปช้อป ‘เซเว่น’ ก็ได้ ถึงอย่างไรท้ายสุดมันก็วนๆ ไปเจอกันอยู่ดี แม้งานนี้ ‘เจียรวนนท์’ ได้หน้าโร่ ขณะที่ทีมประชารัฐได้แต้ม
และก็เป็นผลให้ ‘ทีมกัญชา’ หน้าม้านไปสิ
ในเมื่อเป็นหน้าที่รับผิดชอบแท้ๆ จะสองเดือนเข้านี่แล้วตั้งแต่เริ่มเป็นที่ยอมรับไข้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ระบาดเรื่อยมา
ยังไม่เคยทำอะไรได้เรื่องสักอย่าง ดังที่เพจ Gossipสาสุข
เขาเปิดประจาน
ว่า รมว. “ไม่ได้ถูกแต่งตั้งเพื่อรับมือกับปัญหาสาธารณสุข”
เลยใช้ “ต้นทุนของการเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุดเป็นอันดับ ๖ ของโลก”
ไปจนใกล้จะหมดเค้าเสียแล้ว แบบเดียวกับรัฐบาล คสช. (ทั้งภาค ‘แย่ง’ อำนาจและภาค ‘ดูด’
พิสดาร)
อย่างที่เขาว่ากันตามข้างถนนไซเบอร์ กรณีประยุทธ์
จันทร์โอชา รปภ.สะเออะมาเป็นซีอีโอ เศรษฐกิจก็เลยเละ นี่อนุทิน ชาญวีรกูล
ผู้รับเหมาก่อสร้างดันได้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล
เห็นท่าจะศพเกลื่อนในไม่ช้าเป็นแน่
ยกตัวอย่างที่เขาแฉ “เช่นผู้ติดเชื้อรายที่
๔๒ ที่บอกว่าเป็นพนักงานขายที่ใกล้ชิดกับชาวต่างชาตินั้น...ไม่มีใครรู้ความจริงว่าทำงานที่ไหน...ติดเชื้อจากใคร
และผู้ติดเชื้อที่แพร่ให้ผู้เคราะห์ร้ายรายที่ ๔๒ นั้นก็เดินทางไปไหนต่อไหนแล้ว”
อีกเรื่อง “การโพสต์ประกาศเรื่องพื้นที่เสี่ยง
9 ประเทศ แล้วระบุว่า
คนที่เดินทางจากประเทศเหล่านี้ ต้อง ‘กักกันตัวเอง’ ๑๔ วัน แล้วในเวลาต่อมา ก็ต้องรีบ ‘ลบ’ ประกาศ แล้วลบทั้งเพจออกไป” ประชากรต่างพากัน ‘งง’ จนมาถึงบางอ้อจากลายแทง สศจ.
“หุหุ คนที่อยู่เยอรมัน-ฝรั่งเศส
จะเดินทางมา ต้องรอก่อนสิ” @somsakjeam “พูดให้ดูตลกๆ
แต่มาคิดดู เรื่องนี้ไม่ตลกแต่อย่างใด...หลังจากพักผ่อนที่เทือกเขาสวิสได้หลายวัน
เขาก็กลับมาที่มิวนิคตั้งแต่วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์”
จะเป็นด้วยเพิ่งนึกขึ้นได้ หรือ ‘มิวนิค’ สั่งมา คำสั่งของอนุทินเมื่อวันที่ ๓ มีนา
ที่ว่าทุกคนที่มาจาก ๙ ประเทศ รวมทั้งเยอรมนีและฝรั่งเศส (ที่ตอนนี้ ‘ลูกสาว’ สถิตย์ ‘stays’ อยู่)
จะต้องกักตัว ๑๔ วัน ก็เลยอันตรธานไปในวันรุ่งขึ้น
มีคำสั่งใหม่มาแทน
รายละเอียดอื่นทุกอย่างเหมือนเดิมแม้ถ้อยวจี
ต่างแต่รายการประเทศเหลือแค่สี่แห่งคือเกาหลี จีน อิตาลี และอิหร่าน “อ้างน้ำขุ่นๆ
ว่า ‘ลืม’ เซ็นชื่อ
(ความจริงเซ็น)” มีหลักฐานยืนยันโท่งๆ เซียนแค้ปมือไวจับภาพไว้ได้
ทั้งมวลเหล่านั้นเนื่องจากมีราชการงานสำคัญที่พระมหากษัตริย์จักต้องเสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับในมูนิชไปยังประเทศไทยเป็นเวลา
๑ วัน ที่ ๙ มีนาคม เพื่อประกอบพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต
นั่นอาจเป็นเรื่องสุดวิสัยของ รมว. ในระบอบ
คสช.อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ความไร้น้ำยาของอนุทินในฐานะ ผอ.โรงพยาบาลมีเยอะนอกเหนือจากนั้น
คือ “ไม่ใช่หมอ และไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับวิกฤตแบบนี้
...เสี่ยหนูจึงออกอาการ ‘เป๋’ และหลายครั้งดูจะตัดสินใจไม่ทันการณ์
หลายเรื่องยึกยักไปมา และหลายเรื่องก็ไม่กล้าตัดสินใจ” หน้าเฟชบุ๊ค ‘gossipsasook’
วิเคราะห์เจาะไช หลังจากที่ก่อนหน้านิดนึงเพจเดียวกันนี้
แทงไม่ยั้งไปแล้ว
เขาว่าถึงสถานการณ์หน้ากากอนามัยขาดแคลนบนท้องตลาด
รัฐบาลประกาศจะมีแจกเป็นแสนๆ อัน แต่เวลานี้แย่งกันซื้อยื้อกันขายจ้าละหวั่น แล้วยัง
“สาธารณสุขบอกไม่มีหน้าที่จัดหาหน้ากาก” หากมีปัญหาให้ไปติดต่อกระทรวงพาณิชย์
พาณิชย์เป็นผู้ควบคุมโรงงานผลิตหน้ากากที่ยังเดือนเครื่องจักรกันอยู่ทุกวัน
‘กอสซิพสาสุข’ ถามว่า “เมื่อโรงงานยังคงผลิตหน้ากากตามปกติ
หน้ากาก เป็นสินค้าควบคุม ห้ามกักตุน ห้ามโก่งราคา และห้ามส่งออก แล้วสุดท้าย
หน้ากากที่หมุนเวียนในระบบนั้นหายไปไหน”
เขาตอบเองว่า “หากรัฐบาลไม่สามารถตรวจสอบเส้นทางได้
ก็แปลว่ามีคนใกล้ๆ ตัว ที่รวยจากการกักตุน
และนำไปขายในล็อตใหญ่เอากำไรส่วนต่างเข้ากระเป๋า” ตามที่เขาตั้งข้อสังเกตุ
“ตลอด ๑ เดือนที่ผ่านมา มีกระบวนการ ‘จัดซื้อ’ หน้ากากล็อตใหญ่จากโรงงานของ ‘พ่อค้าคนกลาง’ ผู้ใกล้ชิดกับรัฐบาล
หรือใกล้ชิดกับพรรคการเมืองพรรคไหนหรือไม่”
(https://www.facebook.com/gossipsasook/photos/a.347034632506292/642764642933288, https://www.facebook.com/gossipsasook/photos/a.347034632506292/644864056056680 และ https://facebook.com/somsakjeam/posts/2737775562942372)
เห็นภาพกันไหม ว่าที่อาการยึกยักชักกะตุกเกิดขึ้นในมาตรการรับมือไข้หวัดไวรัส
‘โควิด๑๙’ นี้นั้นพันพัวตุงนังกับ
๓ พรรคการเมืองในรัฐบาล ‘คสช.ภาคพิสดาร’ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขชุดนี้
อนุทินคุมสาธารณสุขและองค์การเภสัชฯ ที่กำลังวุ่นน่าดู
อยู่พรรคภูมิใจไทย “มีปัญหากับการรับมือในสถานการณ์วิกฤต คำพูดของอนุทิน
ไม่เคยสร้างความเชื่อมั่นได้กับทั้งข้าราชการระดับน้อยใหญ่ของกระทรวง และกับประชาชนทั่วไป”
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พรรคประชาธิปัตย์
รมว.พาณิชย์ “ยืนยันว่าหน้ากากไม่ขาด กำลังการผลิตยังปกติ และมีเหลือเฟือในสต็อก”
แต่ถูกชาวบ้านโวยขายหน้ากากแพงโลด ชิ้นละ ๒.๕๐ บาท ทั้งที่องค์การเภสัชฯ
ขายแค่ชิ้นละบาทเดียว
พลังประชารัฐ ที่แนบสนิทเป็นพรรค ‘เจ้าสัว’ กลับบอกว่ากำลังจะตั้งโรงงานผลิตหน้ากากแจกฟรีเดือนละ
๓ ล้านชิ้น ขณะที่ รมว.คลังในค่ายประชารัฐกำลังเตรียมแจกเงินประชากรอีกคนละ ๑-๒
พันบาท เอาไปช้อปช่วยแก้ปัญหา COVID19
ถ้าสามพรรค ๓ กระทรวงที่ทั้งกักตุนทั้งเร่งผลิต
เกิดตัดใจปล่อยหน้ากากอนามัยของตนออกสู่ตลาดอย่างเสรีพร้อมกัน มิเป็นปัญหาหน้ากากล้นตลาดอีกละหรือ