วันพฤหัสบดี, มีนาคม 12, 2563

สนธิญาณดิ้น ออกมาแจ้งความสนธิลิ้ม - ข้อกล่าวหาของเครือผู้จัดการต่อเนชั่น ที่ปล่อยให้เครือข่ายหากินกับความเดือดร้อนของประชาชน




ข้อมูลอันนี้น่าสนใจ

ข้อกล่าวหาของเครือผู้จัดการต่อเนชั่น ที่ปล่อยให้เครือข่ายหากินกับความเดือดร้อนของประชาชน
และคำแก้ต่างจากเนชั้น
................
ข้อกล่าวหา

**เปิดที่มา “เทพ” พิตตินันท์ รักเอียด ที่มาอยู่ในทีมงาน “ร.อ.ธรรมนัส” ได้อัปเกรดเป็นผู้ติดตามรัฐมนตรี เพราะ “สนธิญาณ” จัดให้

https://mgronline.com/politics/detail/9630000024356?fbclid=IwAR0sTLGXVCgzzDwIDB4RuNkLXFnMMsHThtnAKJP5xacdILs7nFrbVuluRrk

กรณีกักตุนหน้ากากอนามัย ที่เพจสายดาร์ก “แหม่มโพธิ์ดำ” นำมาแฉจนเกิดกระแสดรามาในวันนี้ มีตัวละครหลัก คือ “นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี” หรือ “บอย” ที่เป็นคนจัดตลาดนัด ที่ จ.ชลบุรี และยังเป็น กต.ตร.สถานีตำรวจแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี บุคลิกชอบคุยโต โอ้อวด ชอบถ่ายรูปกับผู้หลักผู้ใหญ่ในวงราชการ และนักการเมือง เพื่อนำไปโพสต์เฟซบุ๊ก โชว์ออฟ อัปเกรดตัวเอง ...

และที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา เมื่อเขาโพสต์ข้อความว่า “เพิ่งคุยธุรกิจหน้ากากอนามัย พี่น้องที่นี่อยากสั่งอะไรมาเดี๋ยวเราหาให้” ... มีการแนบรูปโกดังเก็บหน้ากากอนามัยจำนวนมาก และรูปที่ถ่ายกับทีมงานผู้ติดตามนักการเมืองคนดัง ก็คือ “นายพิตตินันท์ รักเอียด” หรือ “เทพ” ซึ่งเป็นผู้ติดตาม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ ...กระแสโซเชียลจึงรุมถล่ม “ร.อ.ธรรมนัส” ว่า มีส่วนพัวพันกับการกักตุนหน้ากากอนามัย

“พิตตินันท์” หรือ “เทพ” เป็นคน อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นนักการเมืองท้องถิ่น และได้ลงเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งล่าสุด ในนามพรรคพลังประชารัฐ ที่เขต 6 จ.สุราษฎร์ธานี แต่สอบตก มีคะแนนมาเป็นอันดับ 3 ได้ 8,770 คะแนน โดยคนที่ได้รับเลือกตั้ง คือ นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 40,672 คะแนน ส่วนอันดับที่ 2 คือ นายภูมิ เทือกสุบรรณ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้ 17,261 คะแนน...

ในการแถลงข่าวที่รัฐสภา เมื่อวันก่อน “ร.อ.ธรรมนัส” ยอมรับว่า “พิตตินันท์” เป็นผู้ติดตาม และอยู่ในคณะทำงานของตนเอง ...ที่รับมาอยู่ด้วย เพราะได้รับรายงานว่าตอนเลือกตั้งมีคะแนนดี อยากทำงานการเมืองในพื้นที่ต่อไป ขอมาสมัครเป็นคณะทำงาน โดยดูแลพื้นที่ เฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี ก็เลยรับไว้...

ตามปกติแล้ว ผู้สมัครที่สอบตกแล้วยังได้รับการ “โปรโมต” ดูแลจากทางพรรคเพื่อมา “ฝึกงานการเมือง” ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ได้คะแนนอันดับที่ 2 เพื่อหวังลุ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า ...แต่ “พิตตินันท์” มาเป็นอันดับ 3 แถมคะแนนก็ไม่ถึงหลักหมื่น ขณะที่ผู้ชนะเลือกตั้งได้ กว่า 4 หมื่นคะแนน อีกทั้ง “ร.อ.ธรรมนัส” ในฐานะ ส.ส.พะเยา ก็เป็นประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ...จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจึงรับ “พิตตินันท์” ซึ่งมีพื้นที่เลือกตั้งอยู่ภาคใต้ มาเป็นผู้ติดตาม...

เมื่อสืบสาวสายสัมพันธ์ ที่มาที่ไป จึงพบว่า “พิตตินันท์” คือ คนของ “สหายช่วง” ธงชัย สุวรรณวิหค แกนนำกลุ่มสันนิบาตประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ “ต้อย” สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) Nation TV...และ “สนธิญาณ” ก็เป็นคนนำ “พิตตินันท์” ไปฝากฝังให้เป็นผู้ติดตาม “ร.อ.ธรรมนัส”...

เมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาวแถมยังเอาตำแหน่งผู้ติดตามรัฐมนตรีไปอ้าง... “ร.อ.ธรรมนัส” จึงสั่งปลด “พิตตินันท์” ออกจากทีมงานและผู้ติดตามในวันเดียวกันนั้นเอง...

...............

ข้อแก้ต่าง

เปิดข้อเท็จจริง จากปากสหายช่วง หลังผู้จัดการมั่วข่าว โยงสนธิญาณ ฝาก เทพ-พิตตินันท์ติดตาม ธรรมนัส

https://www.facebook.com/thaimoveinstitute/photos/a.114742956575693/218178172898837/?type=3&theater
.
สนธิญาณฟ้องผู้จัดการ


.
.
๗. ผมเขียนจดหมายยืดยาวด้วยลายมือตัวเอง อาจจะอ่านยากแต่ยืนยันว่าออกมาจากใจและเป็นความจริงทุกบรรทัด ไม่มีรอยลบ ผมอาจจะกลัวพี่เหมือนพี่ขู่ใครต่อใครว่าสามารถจุดแบงค์๕๐๐ เพื่อหาเหรียญสลึง แต่ผมเชื่อว่าสัจจะคือสัจจะ ความจริงคือความจริง หากจะต้องตายกับความจริงก็ยอมครับและที่สาคัญผมผ่านการใกล้หรือเฉียดตายมาหลายครั้งแล้ว ทุกวันก็มีมรณะสติเป็นที่ตั้งตลอดเวลา ตั้งใจตัวเองว่าตายไปก็จะไม่เวียนมาเกิดแล้ว เบื่อหน่ายการเกิดโดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสกปรกขุ่นมัวในหัวใจด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ ตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ตัวเองต้องตายแน่นอน ดังนั้นเพื่อให้ความจริงปรากฏในวันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคมนี้ ผมจะไปยื่นฟ้องสื่อและผู้เกี่ยวข้องต่อศาล เพื่อพิสูจน์ความจริงกัน

๘. เหตุผลที่ผมต้องฟ้องเพราะเรื่องสาคัญในชีวิตผมที่สุดในตอนนี้ก็คือ เป็นประธานมูลนิธิศรีธรรมราชา ซึ่งมีภาระหน้าที่ต้องระดมเงินให้ได้ ๓๐๐ล้านบาท (สามร้อยล้านบาท) เป็นอย่างต่ำในเวลา ๑ เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ จนถึงวันนี้ มีผู้บริจาคมาแล้ว ๙๐ล้านบาท รวมผู้บริจาค ๓๐,๐๐๐ กว่ารายนั้น มาจากความเชื่อถือต่อผมในฐานะประธานมูลนิธิฯ และประธานเนชั่นทีวี ซึ่งเป็นผู้ร่วมโครงการนี้ด้วย ถ้าปล่อยให้ข่าวในเครือผู้จัดการเผยแพร่ข่าวต่อไปทั้ง ๆ ที่เป็นความเท็จ ประชาชนก็คิดว่าผมเป็นคนเลวจริง เพราะคบคนชั่วเป็นมิตรและจะไม่ร่วมบริจาคงานบุญกุศล เพราะคิดว่าคนเลวเป็นคนทำ งานที่คิดจะทาถวายพ่อแม่ครูอาจารย์พระสงฆ์อาพาธก็อาจสะดุดหยุดลงได้

นี่คือความจำเป็นที่เราจะต้องพิสูจน์เรื่องนี้กันในศาลหวังว่าพี่คงเข้าใจนะครับ

ลงชื่อ สนธิญาณ
๑๑ มีนาคม ๖๓
https://www.nationweekend.com/content/image_news/7904