วันเสาร์, มีนาคม 07, 2563
"เอ๊ะ พี่หมอครับ ทำไมยอดคนป่วยโควิด-19 ในไทยมันน้อยจังเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ..."
มีคนใกล้ตัวพี่หมอรวมถึงแฟนเพจหลายคน
เข้ามาทักถามพี่หมอว่า
"เอ๊ะ พี่หมอครับ
ทำไมยอดคนป่วยโควิด-19 ในไทยมันน้อยจังเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
ประเทศไทยนี้มีการปกปิดยอดผู้ป่วยหรือเปล่าครับ"
พี่หมอขอตอบคำถามหลังเรื่องการปกปิดยอดผู้ป่วยก่อนเลยว่า
"ไม่มีครับ"
สาธารณสุขของเราทำงานเต็มที่จริงๆ
อันนี้พี่หมอไม่ได้อวยหน่วยงานตัวเองนะครับ
แต่สาธารณสุขกระตือรือล้นในการคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 มาก
ทั้งโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชน
ถ้ามียอดผู้ป่วยใหม่เข้ามา
นอกจากทางโรงพยาบาลจะไม่ปกปิดแล้ว
ยังจะรีบแจ้งยอดอัพเดทด้วยซ้ำครับ
แต่ทีนี้คำถามต่อมาคือ
ทำไมยอดผู้ป่วยในประเทศไทยมันน้อยจังครับพี่หมอ ???
คำถามนี้น่าสนใจครับ
ถ้าให้พี่หมอตอบตรงๆเลย
แบบไม่อวยหน่วยงานตัวเองอีกแล้ว
ต้องยอมรับก่อนว่าสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์ไทยตั้งใจทำงานเพื่อป้องกันโควิด-19 กันอย่างมาก
และสาธารณสุขเราดีติดระดับโลก
โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงผู้ป่วย
แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่เรามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อยครับ
สาเหตุจริงๆก็คือ
เพราะเราตรวจน้อยรายครับ(ฮ่วย !!!)
พี่หมอขอเอาข้อมูลจากกรมควบคุมโรค(รูปที่ 2)
มาแสดงให้ดูว่า
เรามีการคัดกรองแบบจริงจัง
คือตรวจเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโควิด-19 หรือไม่
โดยใช้การตรวจ PCR อยู่ที่ 4,023 ราย
และใน 4,023 รายนี้
มาตรวจที่โรงพยาบาลเองถึง 3,829 ราย
(ข้อมูลถึงวันที่ 5 มีนาคม 2563)
แปลว่ากว่า 95% คือผู้ป่วยที่เดินมาตรวจที่โรงพยาบาลเอง
ส่วนอีกไม่ถึง 5% คือคัดกรองอาการเจอและเข้าได้
ถึงเฝ้าระวัง
***** ตรงนี้พี่หมอขอแทรกข้อมูลใหม่นิดนึงครับ
มีบุคลากรทางการแพทย์ช่วยแจ้งเพิ่มเติมมาว่าโรงพยาบาลรามารับตรวจ PCR ที่ไม่เข้าเกณฑ์เพิ่มเติมอีก
ซึ่งแปลว่าประเทศไทยอาจจะมีการตรวจคัดกรองมากกว่าตัวเลขที่กรมควบคุมโรครายงานมาที่ 4,023 เคสครับ
แต่จะมากกว่าแค่ไหนพี่หมอคงตอบไม่ได้ เพราะไม่มีตัวเลขจริงๆครับ
เบื้องต้นพี่หมอเลยขอใช้ตัวเลขจากที่กรมควบคุมโรครายงานมาก่อนนะครับ *****
ในขณะที่ประเทศอังกฤษคัดกรองไปแล้ว 18,083 ราย
พบการติดเชื้อ 115 คน(รูปที่ 3)
(ข้อมูล Department of Health and Social Care เมื่อ 9 โมงเช้าของวันที่ 5 มีนาคม 2563)
ส่วนเกาหลีใต้ที่เราเห็นว่าติดเชื้อเยอะๆนั้น
ตรวจไปได้วันละประมาณ 10,000 เคสต่อวัน !!!
คือวันเดียวเกาหลีใต้ตรวจไปมากกว่าประเทศไทย 2 เดือนที่ผ่านมาอีก
ตอนนี้เกาหลีใต้ตรวจไปได้ทั้งหมด 146,541 ราย
ติดเชื้อทั้งหมด 5,766 ราย(รูปที่ 4)
ประเทศอย่างอิตาลีก็ตรวจไปมากกว่า 20,000 ราย
ดังนั้นเราจะเห็นว่า
ประเทศไทย ตรวจ 4,023 ราย พบ 47 ราย = 1.16%
ประเทศอังกฤษ ตรวจ 18,083 ราย พบ 115 ราย = 0.636%
เกาหลีใต้ ตรวจ 146,541 ราย พบ 5,766 ราย = 3.93%
จะบอกว่าประเทศไทยตรวจน้อยเลยพบน้อยก็ไม่ผิด
ซึ่งตรงนี้พี่หมอมองว่ามี 2 ส่วนประกอบกัน
คือนโยบายเชิงรับและนโยบายเชิงรุก
นโยบายเชิงรับ
เราทำได้ค่อนข้างดีแล้วคือในส่วนของสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์
คือผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลและเราพยายามตรวจคัดกรองตั้งแต่ทางเข้าโรงพยาบาล
ซักประวัติการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง
ตรวจเพิ่มเติมต่อเมื่อมีความจำเป็น
แต่นโยบายเชิงรุกพวกเราไม่สามารถผลักดันอะไรมากกว่านี้ได้
รัฐจะต้องเป็นผู้ช่วยผลักดันครับ
รัฐจะต้องไปติดตามเลยว่าผู้ป่วยแต่ละราย
ไปสัมผัสหรือใกล้ชิดกับใครบ้าง
และเอาติดตามไปตรวจคนรอบตัวพวกนั้นให้หมด
อย่างที่จีนนี่มีทีมเลย 1,800 ทีม
แต่ละทีมมีประมาณ 5 คนขึ้นไป
ไปติดตามมาเลยว่าผู้ป่วยรายยนึงไปใกล้ชิดกับใครมาบ้าง
และคนใกล้ชิดทั้งหมดจับมาตรวจให้หมด
ซึ่งทางจีนรายงานว่าโอกาสติดเชื้ออยู่ที่ 1-5%
และตรวจไปหลักล้านเคสแล้วครับ
ดังนั้นเราจะเห็นเลยว่าประเทศอังกฤษอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเสียอีก
เพราะระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
ประเทศเหล่านี้จึงจะมีผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แต่ก็จะลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ล่าสุดที่พี่หมอติดตามเกาหลีใต้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่เริ่มลดลงแล้ว
ดังนั้นพี่หมอว่าอีกไม่นานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในเกาหลีใต้จะเริ่มลดลงแล้วครับ
เพราะเกาหลีใต้ใช้นโยบายเชิงรุกได้มีประสิทธิภาพมาก
ส่วนในประเทศไทยนั้นก็เป็นอย่างที่เราเห็น
เราไม่ได้ทำนโยบายเชิงรุกสักเท่าไหร่
ยอดติดเชื้อเราเลยดูดี ดูน้อยอยู่แบบนี้
นโยบายเชิงรับบุคลากรทางการแพทย์ช่วยกันเต็มที่แล้วนะครับ
นโยบายเชิงรุกล่ะครับ
รัฐบาลว่าอย่างไรบ้างครับ ???
ooo