วันศุกร์, เมษายน 05, 2562

วิธีคำนวณบัตรเลือกตั้งของ กกต.วันนี้ 'พิลึกล้ำ' เกินๆ เหมือนที่ประยุทธ์แจ้งทรัพย์สินตน ตอนเข้าเป็นนายกฯ

สันดานเผด็จการจะออกหน้าต่อเมื่อลิ่วล้อลุยราบไปก่อนแล้วจึงจะชูคอ ไม่เช่นนั้นมักจะเป็นอีแอบรออยู่เบื้องหลังหรือในกรอบห้อมล้อมปกป้อง เผด็จการไหนๆ ก็เหมือนกัน ทหาร ฟ้าสซิสต์ และเผด็จการคุณธรรม ประเภทผุดผ่องไม่เคยทำอะไรผิด แต่ปล่อยลูกน้องงาบกันนัว

คำพูดของประยุทธ์ที่สโมสรทัพบก วิภาวดี เมื่อ ๔ เมษา ในงานมอบรางวัลนักบริหารการเงิน เกี่ยวกับการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ ๔.๐ โดยพาดไปถึงเรื่อง ธรรมาภิบาล ว่า “วันนี้เราจึงแก้ไขกฎหมายหลายตัวแบบบูรณาการเพื่อลดขั้นตอนให้สามารถทำงานได้ แต่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร”

คนจำนวนมากที่ไม่ปิดหูปิดตาตัวเอง หรือบ้าคลั่งผีสางเทวดา (อย่างอี๊อุ๊) ย่อมเห็นแล้วว่ากฎหมายที่ คสช. สร้าง ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครอื่นจริงๆ เว้นแต่ คสช. ตั้งแต่รัฐธรรมนูญลงมายังพระราชบัญญัติประกอบ แถมด้วยคำสั่งต่างๆ ของหัวหน้าฯ ที่บังคับใช้ยิ่งกว่ากฎหมาย

คนเหล่านั้นได้ฟังตอนที่ประยุทธ์พูดว่า “แต่บางคนมักหาวิธีซิกแซ้กหรือทำให้มากกว่ากฎหมาย เพื่อเอาชนะกฎหมายทุกตัว นั่นคือคนเลว อย่างนี้ต้องเรียกว่าคนเลว” แล้วเห็นภาพทันทีว่าเขาพูดกับตัวเองหน้ากระจก (ไอเดีย คิม นอ ปฮอ. @iiDudes)

กับประเด็นร้อนขณะนี้ที่คนของ คสช.ไล่แจ้งความนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มาแรง ขุดความเก่ากว่าสี่ปีมาแล้ว ตอนนั้นยังเอาเรื่องไม่ได้ ตอนนี้เอามาใช้ รังควาญและ กลั่นแกล้ง ให้ฟกช้ำเปิดช่องเขี่ยกระเด็นให้พ้นทางตนกลับมาครองอำนาจต่อ

“เรื่องฟ้องเรื่องไม่ฟ้อง ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับผม...วันนี้ไม่เกี่ยวกับผมยังไม่เกี่ยวซักอันนึงเลย...หนังสือพิมพ์รายใหญ่ฉบับหนึ่ง พาดหัวข่าวสองชั้นตัวเท่าหม้อแกง ถามว่าท่านต้องการความขัดแย้งอีกหรืออย่างไร”


ใครกันแน่ที่ ต้องการผบ.ทบ. เลขาฯ คสช. พูดอะไรมาบ้างสองสามครั้งแล้ว พูดอ้างพูดหนุนนายกฯ คนนี้ที่มาจากการแย่งอำนาจเขาทั้งนั้น ไฉนทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ใช่มีฐานะเป็นหัวหน้า คสช. ที่จ้องใช้ ม.๔๔ รวบรัด “อีกหรืออย่างไร”

เกี่ยวกับการตั้งข้อหาซึ่ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แจงแล้วว่า คดี ม.๑๑๖ ข้อหายุยงปลุกปั่นอะไรนั่นโดนกันมาแล้วถ้วนหน้า ถ้าใครหือชี้ให้ชาวโลกเห็นว่าเป็นเผด็จการ ตัวอย่างที่ Bow Nuttaa Mahattana เอามาเปิดอีกกรณี
 
#เรื่องบ้าห้าปีคสช แอดมินเพจล้อเลียนท่านผู้นำ เรารักพล.อ.ประยุทธ์ เคยถูกขังคุก ตั้งข้อหา ม.๑๑๖ และ พรบ.คอมฯ ก่อนดำเนินคดีในศาลทหาร” กันมาแล้ว วันนี้มีบ้างม็อบที่จัดออกมา “ไม่เอาพวกคิดจะทำลายล้างมาตรา ๑๑๒” อ้างเป็น กลุ่มคนไทยหัวใจตรงกัน

นำโดยนายมหัศจักร โสดี ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมทนายความของ สุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีต พุทธะอิสระ กล่าวหาว่า “การกระทำหลายอย่างของนายปิยบุตร (แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่)...อาจเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง

ทั้งที่คำพูดกรณีหนึ่งของเขาในการตอบข้อซักถามของผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ เรื่องการธำรงค์พระเกียรติกษัตริย์ไทย ในฐานะที่ ทรงเป็นพระประมุข ของชาตินั้น ถ้ารัฐสภามาจากการเลือกตั้ง (มิใช่จับวางตั้งเองโดย คสช.) ละก็
 
“การผ่านกฎหมายหนึ่งฉบับ เราใช้ชื่อว่าพระราชบัญญัติ และนายกรัฐมนตรีต้องทูลเกล้าให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยแล้วประกาศใช้ แต่หัวหน้า คสช.เพียงคนเดียวออกคำสั่งตาม ม.๔๔ ประกาศใช้เลยนะครับ ไม่ได้มีพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธย”

ปิยบุตรย้อนให้ด้วยว่า “ผมถามว่าแบบไหนกันแน่เรียกว่าประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข” ถามแบบนี้ไม่ใช่การทำลายล้างมาตรา ๑๑๒ แน่ๆ แต่เป็นการชี้หน้าว่า ม.๔๔ มีอำนาจเหนือมาตรา ๑๑๒ น่ะสิ

ธรรมาภิบาล คสช. ๖ ข้อที่ประยุทธ์ ยกมาอ้าง รวมถึงความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ลองย้อนไปดูตอนยึดอำนาจใหม่ๆ เจ้าของบัญชี Wanchalearm Satsaksit สาวความเก่าตั้งแต่ปี ๒๕๕๘ มาให้ดู ว่า “มีการจับคนโพสท์เรื่องโอนหมื่นล้านไปสิงคโปร์ ถ้าไม่จริงก็แค่หมิ่นประมาท ไม่ใช่คดีความมั่นคง ไม่จำเป็นต้องขึ้นศาลทหาร เข้าใจไหม”

มันเป็นเรื่องฮือฮาสมัยนั้นหลังจากที่พบว่าหัวหน้า คสช. ได้รับเงิน ๕๔๐ ล้านบาทจากการขายที่ดินว่างเปล่าทำอะไรไม่ได้ไกลโพ้นของบิดา คนซื้อเป็น “บริษัทนอมินีเสี่ยเจริญ (สิริวัฒนภัคดี เจ้าของ ไทยเบฟ) บริษัทตั้งอยู่เกาะบริติชเวอร์จิ้น ตั้งก่อนมาซื้อแค่หนึ่งวัน”

โพสต์นั้นตั้งคำถาม “ว่าถูกกฎหมายไหม ถูกครับ แต่ถ้าถามว่าโปร่งใสไหม ไม่โปร่งใสครับ” เขาลำดับความตามเอกสารบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของประยุทธ์ ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ตอนเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ซึ่งบ่งว่า

เงิน ๕๔๐ ล้าน ประยุทธ์คืนให้พ่อไป ๔๐๘ ล้านบาท (สองงวด ๑๔๐+๒๖๘) “ประยุทธ์ควรมีเหลือ ๑๓๒ ล้าน บ. (ดอกเบี้ย ๑๔.๕ ล้าน บ.) แปลว่าประยุทธ์ควรมีเงินคงเหลือที่แท้จริงประมาณ ๑๔๖.๕ ล้าน บ. เท่านั้นนะ”

แต่ประยุทธ์ดันแจ้ง ปปช.ว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น ๑๒๘ ล้านบาท แถมโอนเงินให้ลูกสาวไปด้วย ๑๙๘.๕ ล้านบาท “เงินโอนลูกสาวมีมากกว่าจำนวนเงินที่ตัวเองมี ตั้ง ๕๒ ล้าน บ. (เอา ๑๙๘.๕ ลบด้วย ๑๔๖.)” เจ้าของโพสต์บอกวิธีคำนวณกันเหนียว

 
แหม่ แต่วิธีคำนวณของประยุทธ์พิลึกล้ำเหมือนที่ กกต. ลิ่วล้อทั่นเวลานี้ใช้เลยเชียว มิน่าพอโดนชาวบ้านเขกกบาล ทำไงจำนวนบัตรคะแนนมากกว่าจำนวนคนที่ไปออกเสียงเยอะแยะ กกต.ถึงได้สั่งเลือกตั้งใหม่ ๖ หน่วย

ด้วยเหตุผลน่าทึ่งมาก “ไม่สามารถระบุได้ว่า บัตรเลือกตั้งเกินเนื่องจากอะไร” สุดยอดธรรมาภิบาลเลยนะนี่