พอหมดท่าก็หันมาเล่นเรื่องล้มเจ้า ‘ผังไก่อู’ มุสา ลืมหมดแล้ว
ไม่รู้เตรียมผังใหม่หรือยัง ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ออกสารจากนายกฯ
ชี้มีกลุ่มคนไม่หวังดีหวังทำบ้านเมืองไม่สงบ บ่อนทำลายสถาบันฯ” ข่าวจาก วาสนา
นาน่วม ว่างั้น
ไพศาล พืชมงคล เพิ่งออกมาเตือนๆ
กันแล้วเรื่อง ‘หมิ่นฯ’ เนี่ย
ก็ยังเป็นห่วงเพื่อนสลิ่มที่เคยไม่ชอบพี่แต่ชอบน้องสาวจะเผลอไผล
ลืมไปว่ายุคนี้สมัยใคร แต่ไหง ‘อุ๊’
หฤทัย ม่วงบุญศรี คนที่พยายามกล่าวหา ปิยบุตร แสงกนกกุล พรรคอนาคตใหม่ไม่กราบเจ้า
แล้วโดนพวกฟิวเจอริสต้าถล่มจนปรี๊ดแตก ดัน ‘หลุด’ ได้
ในวิวาทะออนไลน์ของ ‘อี๊อุ๊’ ก่อนจะถึงจุดสุดขีด “ออกมาคุยกับแม่งมึงหน่อยดิ
ในหัวข้ออย่าปล่อยให้ทรราชลอยนวล” ทั้งที่อี๊อ้าง “กูอุตส่าห์ยั้งมือไว้ไมตรีแล้วนะ...มึงไปบอกสาวกมึงด้วยอย่าโชว์โง่
ไม่งั้นมึงจะพัง กูขอบอก” นั้น
มีการถกเถียงเรื่องประวัติศาสตร์
ที่คู่โต้บอกอุ๊ว่า “ข้อมูลคุณมั่วมาก โดนเค้ามาหาเรื่องทีก็หั่นแผ่นดินแบ่งให้เค้าที
ปล่อยให้พี่น้องลาวของเราต้องเผชิญกับเรื่องบัดซบ เลวทรามยิ่งกว่าใช้ชีวิตในขุมนรก
นั่นแหละครับข้อเท็จจริง”
โดนย้อนอย่างนั้นอี๊ก็ต้องของขึ้นสิ “มึงเก่งประวัติศาสตร์ขนาดนี้
มึงไปถามราชนาวีไทยสิ หรือไม่ก็ไปถามพ่องมึงที่ฝรั่งเศสนะ เค้าอาจตอบมึงได้
ไอ้ควาย” คู่โต้โดนด่าหยาบคายขนาดนั้นยังไม่ลดละ
“พ่อผมไม่ได้อยู่ฝรั่งเศสครับ ท่านอยู่เยอรมัน”
อุ๊เลยติดบ่วงทันที “เออดีแล้ว อย่าอยู่ไทยเลย” อั้ยหยา เพราะความที่ไม่ตั้งใจฟังอดีต
สว.ที่ปรึกษารัฐมนตรีกลาโหม รองหัวหน้า คสช.ให้ดี จิตติดอยู่กับของโบราณ อี๊จึงเผลอไม่ทันคิดว่าพูดถึงพ่อเธอหรือพ่อใคร
ต้องเข้าใจว่าอาการเพี้ยนของอุ๊มันมีที่มา
อันจะบ่งบอกที่ไป ดังที่ ‘เฮียมิดหมี
@BLeAmz’ “ขอเสริมเป็นเกร็ดความรู้ไว้...นอกจากคุณอุ๊จะได้สื่อสารกับผีแวนโก๊ะแล้ว
เมื่อครั้งก่อนที่คุณอุ๊จะพบว่าได้ครอบครองภาพจิตรกรเอกจีน
คุณแม่คุณอุ๊ก็ได้ฝันว่า รบ.จีนมาขอติดต่อซื้อสมบัติชาติคืน”
ด้วย แล้วยังงี้ยังจะมีใครแนะให้ญาติพี่น้องพาอุ๊ไปหาหมอตรวจรักษาอยู่อีกหรือ
เฮียมิดเขาถาม
เล่าเรื่องอี๊อุ๊มาเป็นเกร็ดเพื่อจะบอกว่าวาทกรรม
‘ล้มเจ้า’ เดี๋ยวนี้พวกอ้างรักชาติ
หลงศาสน์ โหนกษัตริย์ ต้องระมัดระวังนะ โดยเฉพาะถ้าอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่แย่งยื้อเขามาจากการยึดอำนาจ
เกร็ดยังไม่ได้ขอดอย่ามาทำเนียน สอนประชากรอย่างมั่วซั่ว
ประยุทธ์อ้างว่า “มีการใช้โซเชียลมีเดีย และใช้บุคคลบางกลุ่มเข้ามาปลูกฝังแนวคิดที่ไม่ถูกต้องแก่ประชาชนทั่วไป
เพื่อมุ่งหวังให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ และบ่อนทำลายสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์” นี่มันคลุมไปถึงกรณีอุ๊ด้วยไหม
ใช่ ไม่ใช่ ไม่เป็นไร
แต่ปัญหามันอยู่ที่ประยุทธ์บอกให้ “ผู้ปกครองควรต้องเอาใจใส่ลูกหลานของตนและบุคคลใกล้ชิด”
มันจะเป็นไปได้อย่างไรดังกรณีของอุ๊ “ครูอาจารย์ควรต้องงอบรมบ่มนิสัย ดูแลลูกศิษย์อย่างเข้าถึง
ข้าราชการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา
และครอบครัว” ไม่แน่ใจว่าวาสนาหมายถึงครอบครัวของข้าราชการหรือครอบครัวของชาวบ้านทั่วไป
แต่จะครอบครัวของใคร ทั้งหมดที่ประยุทธ์สั่งนี่มันวิธีการของ ‘รัฐฟาสซิสต์’ แท้ๆ ชัดๆ เลยเชียว
ไหนบอกส่งเสริมประชาธิปไตย “อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
แล้วไฉนแสดงอำนาจบาตรใหญ่กับประชากรทั้งมวลล่ะ หรือว่าแท้จริงแล้วเป็นกลโกง หรือชั้นเชิงเบี่ยงเบนความสนใจ
ให้พ้นไปจากความ ‘ไม่สามารถ’ ของตน
วานนี้ (๑ เมษา) ผู้ว่าแบ๊งค์ขอแสดงบทบาทต่ออนาคตของชาติบ้างว่า
อยากให้ตั้งรัฐบาลไวๆ เพราะถ้ายังขืน ‘แกว่งไปแกว่งมา
ไม่แน่นอน’ “นอกจากจะสร้างความไม่สบายใจให้กับประชาชนในประเทศแล้ว
นักลงทุนจากต่างประเทศก็มีความอึดอัดใจไม่แพ้กัน...
สิ่งที่นักลงทุนต้องการทราบเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นคือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีเสถียรภาพ
แต่ดูเหมือนว่าประเทศไทยจะยังไปไม่ถึงจุดนั้น” นายวิรไท สันติประภพ
บอกว่าเนื่องมาจากเศรษฐกิจยังไม่ได้มีทีท่าจะไปได้สวย (อย่างที่พรรคพลังประชารัฐวาดไว้
-ผู้เขียน)
พูดด้วยภาษาบ้านๆ
ก็คืองบประมาณมหาศาลที่รัฐบาล คสช.ทุ่มลงไป ซึ่งหมายถึง “โครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการก็อยู่ในระยะที่ประมูลเสร็จหมดแล้ว”
รอแต่ให้มีรัฐบาลใหม่เข้าไปบริหารจัดการไวๆ จึงจะเป็นจริงขึ้นมาได้
ณ เวลานี้ไม่ใช่
ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติสำหรับปีนี้ ที่ทีมเศรษฐกิจ คสช.
ซึ่งขณะนี้ไปรวมกันอยุ่ที่พรรคพลังประชารัฐ คุยไว้ว่าอัตราจีดีพีจะขึ้นถึง ๔.๑ – ๔.๒
แต่ตัวเลขจริงของธนาคารแห่งประเทศไทย คะเนไว้แค่ ๔.๐ ก็ยังไม่ได้
ทำให้ต้องปรับตัวเลขเสียใหม่
เหลือแค่ ๓.๘ พอไหว และสิ่งที่แม้ลิ่วล้อ คสช.เอง ก็ยังยอมรับว่า
“ที่ผ่านมาจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจติดต่อกันร้อยละ ๔ อย่างต่อเนื่อง
แต่กลับขัดกับความรู้สึกของประชาชนที่มองว่าเศรษฐกิจไม่ได้ดีเท่าไหร่”
ก็เพราะมีปัจจัยเสี่ยงเยอะแยะ
ไหนจะหนี้ครัวเรือนสูง สินค้าเกษตรราคาตก นี่กระทรวงพาณิชย์เพิ่งแจ้งเหมือนกันว่า
อัตราเงินเฟ้อขึ้นสูงต่อเนื่องกันมาสามเดือนแล้ว นางสาวพิมพ์ชนก
วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าแถลงว่า
“สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารสดที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่
๕ รวมถึงราคาพลังงานที่ปรับตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ ๔ เดือน”
ทั้งนี้เพราะว่าผลผลิตอาหารสดลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง และ “มีแนวโน้มรุนแรงกว่าปีก่อน”
แถมเมื่อสองวันก่อนหน้านี้
ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาคธนาคารแห่งประเทศไทยแจ้งข่าวไม่ดีไว้แล้วว่า “การส่งออกของไทยในเดือน
ก.พ. ยังคงติดลบอย่างต่อเนื่องจากเดือน ม.ค.” และ “เศรษฐกิจไทยระยะสั้นมีความไม่แน่นอนสูง”
อย่างน้อยจนถึงครึ่งปีหลัง
แม้จะโทษเศรษฐกิจโลกตามสไตล์นักบริหารไทย
นายดอน นาครทรรพ ผอ.อาวุโส
ก็เห็นด้วยว่าต้องมีรัฐบาลใหม่มาบริหารจัดการเศรษฐกิจไวๆ เช่นกัน
แม้จะไม่ได้บอกเหมือนผู้ว่าฯ ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ได้
อ้างว่าเศรษฐกิจไทยเดินตามเศรษฐกิจโลกเป็นต้อยติ่ง ปีนี้ยังไม่ดี ปีหน้าคงใช้ได้
(https://www.innnews.co.th/economy/news_362518/, https://www.voicetv.co.th/read/lQsvm0C_D และ https://www.posttoday.com/finance/news/584982)
จะเป็นด้วยเหตุนั้นหรือไม่ ประยุทธ์
คสช. และพรรคพลังประชารัฐ จึงกระเหี้ยนกระหือรือจะกลับไปเป็นรัฐบาลอีกให้จงได้
ใช้ทั้งเล่ห์เหลี่ยมและกลยุทธ์ต่างๆ ผ่านทางการเล่นแร่แปรธาตุของ กกต.
จนกระฉ่อนโลกไปแล้วว่า ฮุนต้าไทยโกงเลือกตั้งอย่างระบือลั่น
