#อย่าทำให้เด็กๆหัวร้อน
กูจะไม่เตือน แต่แค่จะเขียนให้ ผบช.ในกองทัพระดับกลางๆได้อ่านกันละกันว่า นศ.สมัยนี้ ต่างกับ นศ.สมัย14ตุลาฯ อย่างไร ??
สมัยก่อนเนื้อหนังอยู่ที่ มธ. กิ่งก้านอยู่ที่ มร. ดอกใบอยู่ที่จุฬา/เกษตร เด็กในวันนั้นมือเปล่าๆล้วนๆ มีแค่กำลังคนออกมาเดินเท้าประท้วงและก่อจลาจลเท่านั้น 2จอมพลอำนาจเต็มมือ ยังล้มครืนลงมาได้ ..
แต่ นศ.สมัยนี้ ตอนนี้ เครือข่ายกำลังคนมีแทบทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศร่วม70กว่ามหาวิทยาลัย ร่วมล้านคนได้ นี่ยังไม่ได้นับรวมพ่อแม่พี่ป้าน้าอามันด้วยนะ ซึ่งถ้ารัฐเสือกมาทำอะไรที่รุนแรงกับลูกหลานเค้า เค้าก็พร้อมจะออกมาปกป้องลูกๆหลานๆเค้าแน่นอน มึงคูณ5คูณ6จำนวนคนเข้าไปได้เลย
แต่นั่นก็ยังไม่ถึงก่ะน่ากลัวเท่าไรในสายตาบิ๊กๆทหารโง่ๆ เพราะโง่นั่นแหล่ะ ถึงไม่กลัว เพราะจริงๆต้องเริ่มกลัวตั้งก่ะจุดนี้แล้วในความเป็นจริง ..
สิ่งที่ฝ่ายทหารหัวโบราณ ยังไม่รู้ถึงความน่ากลัวในศักยภาพของ นศ.ในยุคนี้คือ #การสื่อสาร #เทคโนโลยี #การต่อต้านเชิงสัญลักษณ์เชิงรุก และที่สำคัญคือ #การโฆษณาชวนเชื่อ ..
ผมยืนยันตรงนี้ด้วยความรู้ทั้งหมดที่ผมมีเลยว่า นศ.สมัยนี้ #มีศักยภาพเหนือกว่ากำลังพลของกองทัพหลายเรื่อง โดยเฉพาะ #ในเมือง และ #ในสังคม ..
หากมีการใช้กำลังทหาร/ตำรวจ กับ นศ.ด้วยความรุนแรง ด้วยกฏหมายเผด็จการที่ไม่เป็นสากล #นั่นจะเข้าทางตีนเด็กๆที่กำลังหัวร้อนทันที
นศ.ในยุคนี้ #ยังมีของ หรือยังมีพลังอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ปล่อยออกมา ทหารรุ่นเก่าๆยังไม่เคยเห็นหรอก ถ้าเมื่อใดที่กองทัพหรือรัฐบาล เสือกไปจุดชนวนทำให้ #นักศึกษาตัดสินใจออกมาต่อต้านเต็มรูปแบบ เมื่อนั้น ไอ้ผู้ใหญ่หัวหงอกทั้งหลายก็นับถอยหลังเตรียมหาประเทศอยู่ใหม่ได้เลย ..
อยากรู้มั้ย เด็กๆพวกนี้มันสามารถทำอะไรที่ทรงพลังมากๆในยุคนี้เพื่อต่อต้านรัฐบาล ที่เด็กๆ นศ.ยุค14ตค.ทำไม่ได้บ้าง ??
#ความเกลียดชังที่ส่งต่อได้ไวกว่าแสง 😇
Alongkorn Cheurkit
