สัมภาษณ์พิเศษ โดยอนุชา ทองเติม
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ณ สถานการณ์ประชาธิปไตยไม่ปกติเช่นนี้ "ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กำลังเฝ้ามองสภาพแวดล้อมอย่างใจจดใจจ่อ
ต่อไปนี้คือบทสนทนาของเขา
: มองปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง
ผมประเมินมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า กระบวนการทำลายล้าง 3 ส่วน ต้องเดินให้บรรลุเป้าหมาย คือต้องกำจัดคนในตระกูลชินวัตร พรรคเพื่อไทย (พท.) รวมถึง นปช. และบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า คุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร อดีตนายกฯ) จะถูกถอดถอน และจะถูกดำเนินคดีทางอาญาด้วย เพราะการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาตรา 35 ใน (4) ไม่ว่าจะเป็นบ้านเลขที่ 111, 109 ต่างถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ดังนั้น จึงเหลือเพียงคุณยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย และ นปช. จึงต้องเอาให้เกลี้ยง
เริ่มจากการวางบิลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นหนังสือเตือนก่อนลงมือ 2 วัน จากนั้นจึงเอาหนังสือเตือนทั้งครั้งแรกและครั้งที่สองเป็นตัวเดินเรื่องและเข้ามาเป็นหลักฐาน แล้วเอาการอภิปรายโดยพยานต่างเลือกปฏิบัติ เอาชาวนามาก็เป็นพวกประเภทเป่านกหวีด ขณะที่การคัดเลือก สนช. ซึ่งมีกลุ่ม 40 ส.ว. อยู่ด้วยและมีความเจนจัดในสภา แต่ลำพังน้ำหน้าอย่างกลุ่ม 40 ส.ว. ไม่มีปัญญาหรอกถ้าไม่มีใครไปให้ท้าย แต่เราไม่ยอมรับอยู่แล้ว
: หากนี่คือการลงดาบ ดาบเล่มต่อไปสำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คืออะไร
คุณยิ่งลักษณ์มีประมาณ 15 เรื่อง เกี่ยวกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2 ชุด ใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 จะเป็นเรื่องการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และเข้าใจว่า ครม. จะโดนทั้งคณะ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้าน ซึ่งเหมารวม ส.ส. ทั้งพรรคเพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พลังชล น่าจะเกลี้ยงหมด
: หากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิด คิดว่าควรหาทางออกอย่างไร
15 คดีที่ตั้งมาก็เพื่อให้หนี มากกว่าต้องการดำเนินคดี การต่อสู้เท่านั้นที่เป็นหนทางรอด การยอมจำนนเป็นทางนำไปสู่ความตาย วันนี้คุณยิ่งลักษณ์มีภูมิต้านทานจากประชาชน พฤติกรรมทั้งหมดที่คุณยิ่งลักษณ์ถูกกระทำต่างเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้ตัวเอง การที่คุณยิ่งลักษณ์สู้คดีโดยไม่ไหวหวั่นเชื่อว่าจะสร้างพลังอย่างมหาศาล และผมไม่เชื่อว่าคุกจะสามารถขังคุณยิ่งลักษณ์ได้นาน
ดังนั้น ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ยืนหยัดก็จะมีสง่ามาก ไม่ได้แตกต่างไปจาก นางออง ซาน ซูจี ของพม่า คนไทยจะยกย่องผู้ถูกกระทำที่กล้ายืนหยัดในความถูกต้อง ประชาชนจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก แต่หากเมื่อไหร่ที่ตัดสินใจตามแรงกดดัน ก็จะเข้าทางของเขาทันที
: อยากทราบเหตุผลที่บอกให้คนเสื้อแดงใช้ความอดทนสูงสุด
เหล่านี้ล้วนเป็นการบีบให้คนเสื้อแดงออกมา หากเราออกมา ความล้มเหลวของรัฐบาลทั้ง เศรษฐกิจ ปากท้อง การเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาไม่ได้ ก็จะบอกว่าเป็นเพราะคนเสื้อแดง ขณะนี้เราจึงไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำเหมือนเดิม เพราะฝ่ายยึดอำนาจได้เตรียมการมา 3 ปี เพื่อปฏิบัติการเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เราจึงต้องใช้ความอดทน เพราะยิ่งเร่งก็จะยิ่งช้า เราจะกลายเป็นเหยื่อ ผมไม่ห่วงว่ารัฐบาลจะเดินเลยโรดแม็ป เพราะแค่เดินตามโรดแม็ปยังยากเลย คนที่คิดอยู่นานจะอยู่สั้น คนที่คิดอยู่สั้นจะอยู่นาน
: พรรคเพื่อไทย (พท.) กำลังเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรม คิดว่าเป็นทางออกหรือทางตัน
เรื่องนี้คนเรามักปากอย่างใจอย่าง พวกที่ชอบออกมาต่อต้านการนิรโทษกรรมเวลาพูดกันส่วนตัวต่างอยากถูกนิรโทษฯ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดาหรืออยู่ในผ้าเหลืองก็ตาม ต่างคนต่างพูดให้ตัวเองดูดี ทุกอย่างคือละครเป็นการแสดงตบตากันไป แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 35 ทำให้รู้ว่าการปรองดองนิรโทษกรรมไม่มีวันที่จะกลายเป็นจริง ไม่ว่าจะขอให้เฉพาะประชาชนไม่รวมแกนนำก็ไม่ยอม
: ได้มองไปถึงช่วงที่เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งหรือไม่
ผมขอประกาศอย่างชัดเจนว่าหากรัฐธรรมนูญไม่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างนี้ ผมจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ขออยู่ภายใต้คนที่มาจากการแต่งตั้ง มันไม่มีค่า แต่ก็ยังมีความเชื่ออยู่ลึกๆ ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ได้ประกาศใช้ เพราะเขียนให้มีเรื่อง และจะมีการทำประชามติ ถ้าผ่านก็สืบทอดอำนาจกันไป ถ้าไม่ผ่านก็ตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ขึ้นมาร่างใหม่ จากนั้นก็ทอดเวลาออกไปยาวอีก แต่ก็คิดต่างไปอีกว่าที่สุดแล้วเมื่อแสดงพฤติการณ์กันมาทั้งหมด จะทำให้อยู่ไม่ได้ เพราะคนไทยเสียอะไรเสียได้ แต่อย่าเสียรู้ คนไทยเป็นคนตื่นยาก แต่ตื่นมาแล้วเอาเรื่อง เวลาลุกขึ้นมาเชื่อว่าไม่มีอะไรเอาอยู่ ที่ คสช. คิดว่าโลกเข้าใจโรดแม็ปนั้นเปล่าเลย เพราะโลกเขารับฟังเพียงว่าจะมีการคืนอำนาจให้ประชาชนเมื่อไหร่
: เมื่อไม่ร่วมสังคายนาทางการเมืองแล้วจะยืนอยู่จุดใด
การเข้าไปเป็น ส.ส. ภายใต้กติกาที่ไม่เป็นธรรมคือการเป็นทาสของความไม่ถูกต้อง ผมเห็นว่าบรรดานักประชาธิปไตยทั้ง 14 ตุลาคม หรืออะไรก็แล้วแต่ ต่างเปลี่ยนจุดยืนกันมาก จึงคิดรักษาจุดยืนตรงนี้เอาไว้ จะไม่ยอมร่วมในสิ่งที่ตัวเองเคยแสดงจุดยืน ตำแหน่ง ส.ส. เป็นเรื่องเล็ก ไม่ได้รู้สึกว่ามันวิเศษ ความรู้สึกที่ได้มากกว่าคือการได้อยู่กับประชาชน ผมรอได้ที่จะให้บ้านเมืองเป็นปกติโดยมีรัฐธรรมนูญของประชาชนแล้วค่อยกลับเข้าสู่วงการเมืองอีกครั้ง
: อนาคต นปช. กับพรรคเพื่อไทย (พท.) จะเดินหน้าในยุทธศาสตร์ 2 ขาเหมือนเดิมได้หรือไม่
เพื่อไทย (พท.) ต้องสร้างนักเลือกตั้งให้เป็นนักต่อสู้ทางประชาธิปไตย บทเรียนที่ผ่านมาชี้ว่าหากไม่เปลี่ยนจะไม่มีวันรักษาประชาธิปไตยเอาไว้ได้ แม้ชนะทุกครั้งแต่ไม่มีปัญญารักษาอำนาจไว้แม้เพียงครั้งเดียว หากเราเป็นนักต่อสู้เราจะสร้างประชาชนให้มีความแข็งแรงในการเป็นเกราะกำบัง ดังนั้น หากเรากับพรรคเพื่อไทย (พท.) จะไปกันได้ก็ต้องไปในแนวทางของอุดมการณ์ เสื้อแดงไม่ใช่ของตายที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จะทำอะไรก็ได้ ขณะเดียวกัน นปช. ก็ต้องกล้าเห็นต่างจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ผมต้องการสร้างคนเสื้อแดงให้เป็นมนุษย์ที่มีอุดมการณ์
: สุดท้ายแล้วอนาคตพรรคเพื่อไทย (พท.) จะเป็นอย่างไรและควรเดินหน้าอย่างไร
ชะตากรรมของ ส.ส.เพื่อไทย (พท.) คงไม่ต่างจากพรรคไทยรักไทย (ทรท.) พรรคพลังประชาชน แต่คิดว่าวันนี้เรื่องพรรคเป็นเรื่องรองลงมา พรรคควรรอการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย มากกว่ารอการเลือกตั้งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
เราควรเคารพประชาชนที่ให้อำนาจเรา ซึ่งเราไม่เคยรักษาอำนาจนั้นได้เลย
(ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 20-26 กุมภาพันธ์ 2558)
ณ สถานการณ์ประชาธิปไตยไม่ปกติเช่นนี้ "ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กำลังเฝ้ามองสภาพแวดล้อมอย่างใจจดใจจ่อ
ต่อไปนี้คือบทสนทนาของเขา
: มองปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง
ผมประเมินมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า กระบวนการทำลายล้าง 3 ส่วน ต้องเดินให้บรรลุเป้าหมาย คือต้องกำจัดคนในตระกูลชินวัตร พรรคเพื่อไทย (พท.) รวมถึง นปช. และบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า คุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร อดีตนายกฯ) จะถูกถอดถอน และจะถูกดำเนินคดีทางอาญาด้วย เพราะการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาตรา 35 ใน (4) ไม่ว่าจะเป็นบ้านเลขที่ 111, 109 ต่างถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ดังนั้น จึงเหลือเพียงคุณยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย และ นปช. จึงต้องเอาให้เกลี้ยง
เริ่มจากการวางบิลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นหนังสือเตือนก่อนลงมือ 2 วัน จากนั้นจึงเอาหนังสือเตือนทั้งครั้งแรกและครั้งที่สองเป็นตัวเดินเรื่องและเข้ามาเป็นหลักฐาน แล้วเอาการอภิปรายโดยพยานต่างเลือกปฏิบัติ เอาชาวนามาก็เป็นพวกประเภทเป่านกหวีด ขณะที่การคัดเลือก สนช. ซึ่งมีกลุ่ม 40 ส.ว. อยู่ด้วยและมีความเจนจัดในสภา แต่ลำพังน้ำหน้าอย่างกลุ่ม 40 ส.ว. ไม่มีปัญญาหรอกถ้าไม่มีใครไปให้ท้าย แต่เราไม่ยอมรับอยู่แล้ว
: หากนี่คือการลงดาบ ดาบเล่มต่อไปสำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คืออะไร
คุณยิ่งลักษณ์มีประมาณ 15 เรื่อง เกี่ยวกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2 ชุด ใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 จะเป็นเรื่องการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และเข้าใจว่า ครม. จะโดนทั้งคณะ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้าน ซึ่งเหมารวม ส.ส. ทั้งพรรคเพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พลังชล น่าจะเกลี้ยงหมด
: หากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิด คิดว่าควรหาทางออกอย่างไร
15 คดีที่ตั้งมาก็เพื่อให้หนี มากกว่าต้องการดำเนินคดี การต่อสู้เท่านั้นที่เป็นหนทางรอด การยอมจำนนเป็นทางนำไปสู่ความตาย วันนี้คุณยิ่งลักษณ์มีภูมิต้านทานจากประชาชน พฤติกรรมทั้งหมดที่คุณยิ่งลักษณ์ถูกกระทำต่างเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้ตัวเอง การที่คุณยิ่งลักษณ์สู้คดีโดยไม่ไหวหวั่นเชื่อว่าจะสร้างพลังอย่างมหาศาล และผมไม่เชื่อว่าคุกจะสามารถขังคุณยิ่งลักษณ์ได้นาน
ดังนั้น ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ยืนหยัดก็จะมีสง่ามาก ไม่ได้แตกต่างไปจาก นางออง ซาน ซูจี ของพม่า คนไทยจะยกย่องผู้ถูกกระทำที่กล้ายืนหยัดในความถูกต้อง ประชาชนจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก แต่หากเมื่อไหร่ที่ตัดสินใจตามแรงกดดัน ก็จะเข้าทางของเขาทันที
: อยากทราบเหตุผลที่บอกให้คนเสื้อแดงใช้ความอดทนสูงสุด
เหล่านี้ล้วนเป็นการบีบให้คนเสื้อแดงออกมา หากเราออกมา ความล้มเหลวของรัฐบาลทั้ง เศรษฐกิจ ปากท้อง การเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาไม่ได้ ก็จะบอกว่าเป็นเพราะคนเสื้อแดง ขณะนี้เราจึงไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำเหมือนเดิม เพราะฝ่ายยึดอำนาจได้เตรียมการมา 3 ปี เพื่อปฏิบัติการเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เราจึงต้องใช้ความอดทน เพราะยิ่งเร่งก็จะยิ่งช้า เราจะกลายเป็นเหยื่อ ผมไม่ห่วงว่ารัฐบาลจะเดินเลยโรดแม็ป เพราะแค่เดินตามโรดแม็ปยังยากเลย คนที่คิดอยู่นานจะอยู่สั้น คนที่คิดอยู่สั้นจะอยู่นาน
: พรรคเพื่อไทย (พท.) กำลังเรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรม คิดว่าเป็นทางออกหรือทางตัน
เรื่องนี้คนเรามักปากอย่างใจอย่าง พวกที่ชอบออกมาต่อต้านการนิรโทษกรรมเวลาพูดกันส่วนตัวต่างอยากถูกนิรโทษฯ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดาหรืออยู่ในผ้าเหลืองก็ตาม ต่างคนต่างพูดให้ตัวเองดูดี ทุกอย่างคือละครเป็นการแสดงตบตากันไป แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 35 ทำให้รู้ว่าการปรองดองนิรโทษกรรมไม่มีวันที่จะกลายเป็นจริง ไม่ว่าจะขอให้เฉพาะประชาชนไม่รวมแกนนำก็ไม่ยอม
: ได้มองไปถึงช่วงที่เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งหรือไม่
ผมขอประกาศอย่างชัดเจนว่าหากรัฐธรรมนูญไม่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างนี้ ผมจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ขออยู่ภายใต้คนที่มาจากการแต่งตั้ง มันไม่มีค่า แต่ก็ยังมีความเชื่ออยู่ลึกๆ ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ได้ประกาศใช้ เพราะเขียนให้มีเรื่อง และจะมีการทำประชามติ ถ้าผ่านก็สืบทอดอำนาจกันไป ถ้าไม่ผ่านก็ตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ขึ้นมาร่างใหม่ จากนั้นก็ทอดเวลาออกไปยาวอีก แต่ก็คิดต่างไปอีกว่าที่สุดแล้วเมื่อแสดงพฤติการณ์กันมาทั้งหมด จะทำให้อยู่ไม่ได้ เพราะคนไทยเสียอะไรเสียได้ แต่อย่าเสียรู้ คนไทยเป็นคนตื่นยาก แต่ตื่นมาแล้วเอาเรื่อง เวลาลุกขึ้นมาเชื่อว่าไม่มีอะไรเอาอยู่ ที่ คสช. คิดว่าโลกเข้าใจโรดแม็ปนั้นเปล่าเลย เพราะโลกเขารับฟังเพียงว่าจะมีการคืนอำนาจให้ประชาชนเมื่อไหร่
: เมื่อไม่ร่วมสังคายนาทางการเมืองแล้วจะยืนอยู่จุดใด
การเข้าไปเป็น ส.ส. ภายใต้กติกาที่ไม่เป็นธรรมคือการเป็นทาสของความไม่ถูกต้อง ผมเห็นว่าบรรดานักประชาธิปไตยทั้ง 14 ตุลาคม หรืออะไรก็แล้วแต่ ต่างเปลี่ยนจุดยืนกันมาก จึงคิดรักษาจุดยืนตรงนี้เอาไว้ จะไม่ยอมร่วมในสิ่งที่ตัวเองเคยแสดงจุดยืน ตำแหน่ง ส.ส. เป็นเรื่องเล็ก ไม่ได้รู้สึกว่ามันวิเศษ ความรู้สึกที่ได้มากกว่าคือการได้อยู่กับประชาชน ผมรอได้ที่จะให้บ้านเมืองเป็นปกติโดยมีรัฐธรรมนูญของประชาชนแล้วค่อยกลับเข้าสู่วงการเมืองอีกครั้ง
: อนาคต นปช. กับพรรคเพื่อไทย (พท.) จะเดินหน้าในยุทธศาสตร์ 2 ขาเหมือนเดิมได้หรือไม่
เพื่อไทย (พท.) ต้องสร้างนักเลือกตั้งให้เป็นนักต่อสู้ทางประชาธิปไตย บทเรียนที่ผ่านมาชี้ว่าหากไม่เปลี่ยนจะไม่มีวันรักษาประชาธิปไตยเอาไว้ได้ แม้ชนะทุกครั้งแต่ไม่มีปัญญารักษาอำนาจไว้แม้เพียงครั้งเดียว หากเราเป็นนักต่อสู้เราจะสร้างประชาชนให้มีความแข็งแรงในการเป็นเกราะกำบัง ดังนั้น หากเรากับพรรคเพื่อไทย (พท.) จะไปกันได้ก็ต้องไปในแนวทางของอุดมการณ์ เสื้อแดงไม่ใช่ของตายที่พรรคเพื่อไทย (พท.) จะทำอะไรก็ได้ ขณะเดียวกัน นปช. ก็ต้องกล้าเห็นต่างจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ผมต้องการสร้างคนเสื้อแดงให้เป็นมนุษย์ที่มีอุดมการณ์
: สุดท้ายแล้วอนาคตพรรคเพื่อไทย (พท.) จะเป็นอย่างไรและควรเดินหน้าอย่างไร
ชะตากรรมของ ส.ส.เพื่อไทย (พท.) คงไม่ต่างจากพรรคไทยรักไทย (ทรท.) พรรคพลังประชาชน แต่คิดว่าวันนี้เรื่องพรรคเป็นเรื่องรองลงมา พรรคควรรอการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย มากกว่ารอการเลือกตั้งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
เราควรเคารพประชาชนที่ให้อำนาจเรา ซึ่งเราไม่เคยรักษาอำนาจนั้นได้เลย
(ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ 20-26 กุมภาพันธ์ 2558)