เมื่อก่อนก็เป็น “สภาผัวเมีย” แต่ตอนนี้มันไม่ใช่สภาผัวเมียแล้ว แต่เป็น “สภา พ่อ แม่ ลูก” รวมถึงเครือญาติ แต่ที่หนักกว่านั้นลูกยังเรียนไม่จบก็มีต่ำแหน่ง รับเงินเดือน?
อยากจะถามว่านี่ใช่มั้ย? สภาคนดีศรี สนช. ที่ได้รับการยกเว้นอย่างนั้นหรือ?
ในตำแหน่งช่วยงานทั้งหลายนั้น ต่างระบุหน้าที่และความรับผิดชอบชัดเจนว่า ต้องให้คำปรึกษาในด้านกฎหมาย หรือทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ รวมถึงต้องศึกษาสภาพปัญหาและข้อร้องเรียนต่าง ๆ เพื่อรวบรวมจัดทำญัตติ กระทู้ถาม ข้อหารือ หรือข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ต่อ สนช.
แต่การตั้ง “เมีย-ลูก” มาช่วยงาน ทั้งที่บางคน “ลูก” ยังศึกษาในมหาวิทยาลัยอยู่ด้วยซ้ำ จะให้คำปรึกษาได้ดีแค่ไห
สุดท้ายอยากจะถามใครที่เคยเรียกรัฐบาลชุดก่อนๆว่า “สภาผัวเมีย” ตอนนี้ท่านคิดอย่างไรกับ “สภา พ่อ แม่ ลูก”
ที่มา FB
แหม่? ทำเป็นรับไม่ได้
http://www.isranews.org/investigative/investigate-news/item/36824-sapa_901_01.html#.VO_e5GBRepJ.facebook
ความเห็นจากเวป...
หึ หึ อยากรู้ว่าข่าวนี้ออกมาแล้วจะยังไงกันต่อ
จะหน้าด้านทำไปเหมือนเดิมมั้ย
จะโดนอะไรลงโทษบ้างมั้ย
เจริญ..จิงๆความคิดของผู้ที่
เปนตัวแทนของคนทั้งชาติ
กุ..หละเพลีย
อันนี้ผมก็ไม่เห็นด้วยนะ ถ้าเรียนไม่จบ
อีก 50 ปี. ประเทศนี้. ยังเหมือนเดิม. เชื่อสิ
สรุปประเทศไทย คนใหญ่ๆแต่ทาสเงินตราคิดแต่จะมีเงินมีหน้ามีตาด้วยวิธีอัปยศทั้งนั้นว่ะ อีกไม่นานประเทศล่มจมแน่ๆ
ประเทศไทยนะโว๊ย ไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว สัสสสสส
...
จากกรณี
1. สำนักข่าวอิศราออกมาแฉว่า สมาชิกสนช. จำนวนมากตั้งภริยาและบุตรมาเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" ประจำตัวเพื่อช่วยงาน โดยได้รับเงินเดือน ต่อมานายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ออกมาบอกว่าทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย
2. คสช. ยอมยกเลิกสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 หลังจากที่เจอแรงต่อต้านจากฝ่ายที่สนับสนุนตน
ก็เป็นตัวอย่างที่เพียงพอ (หมายความว่าที่จริงมีอีกเยอะ แต่แค่นี้ก็ชัดแล้ว) ที่จะพิสูจน์ว่า "ระบอบคนดี" ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งนั้นไม่ได้ "ดี" ด้วยตัวมันเองโดยอัตโนมัติ เพราะคน(ที่หลายคนเชื่อว่า)ดีนั้น ล้วนแต่เป็นมนุษย์ปุถุชน มีรักโลภโกรธหลง ไม่มีใครอยู่เหนือการเมือง และ(แทบ)ไม่มีใครอยู่เหนือวัฒนธรรมเอื้อพวกพ้องแบบไทยๆ ต่อให้ไม่ได้เป็นนักการเมืองอาชีพก็ไม่ได้แปลว่าไม่จำเป็นต้องสนใจความต้องการของฐานเสียงตัวเอง หรือปากท้องของญาติพี่น้อง
(ไม่ได้พูดว่าเหตุการณ์ในสองกรณีนี้เหมาะสมหรือถูกต้องหรือไม่ เพียงแต่ยกเป็นประเด็นสนับสนุนข้อสังเกตข้างต้น)
ระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่ระบอบที่ดีที่สุด แต่เป็นระบอบที่ "เลวน้อยที่สุด" แล้วเมื่อเทียบกับระบอบอื่น (ยืมคำของเซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล) เพราะอย่างน้อยก็มองเห็นหัวคนทุกคน และพยายามวางระบบการตรวจสอบที่ชัดเจน
(ไม่เคยไม่ชอบที่ได้ถกเถียงอภิปรายกับคนที่คิดไม่เหมือนกัน แต่บางทีก็อดเซ็งไม่ได้ว่า บางเรื่องไม่ควรมาเถียงกันเลยเพราะเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงที่เราควรจะรู้ตั้งนานแล้วจากประวัติศาสตร์ เหมือนมาเถียงกันวันนี้ว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ หรือดวงอาทิตย์หมุนรอบโลก)
...
หึ หึ อยากรู้ว่าข่าวนี้ออกมาแล้วจะยังไงกันต่อ
จะหน้าด้านทำไปเหมือนเดิมมั้ย
จะโดนอะไรลงโทษบ้างมั้ย
เจริญ..จิงๆความคิดของผู้ที่
เปนตัวแทนของคนทั้งชาติ
กุ..หละเพลีย
อันนี้ผมก็ไม่เห็นด้วยนะ ถ้าเรียนไม่จบ
อีก 50 ปี. ประเทศนี้. ยังเหมือนเดิม. เชื่อสิ
สรุปประเทศไทย คนใหญ่ๆแต่ทาสเงินตราคิดแต่จะมีเงินมีหน้ามีตาด้วยวิธีอัปยศทั้งนั้นว่ะ อีกไม่นานประเทศล่มจมแน่ๆ
ประเทศไทยนะโว๊ย ไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว สัสสสสส
...
จากกรณี
1. สำนักข่าวอิศราออกมาแฉว่า สมาชิกสนช. จำนวนมากตั้งภริยาและบุตรมาเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" ประจำตัวเพื่อช่วยงาน โดยได้รับเงินเดือน ต่อมานายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ออกมาบอกว่าทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย
2. คสช. ยอมยกเลิกสัมปทานปิโตรเลียมครั้งที่ 21 หลังจากที่เจอแรงต่อต้านจากฝ่ายที่สนับสนุนตน
ก็เป็นตัวอย่างที่เพียงพอ (หมายความว่าที่จริงมีอีกเยอะ แต่แค่นี้ก็ชัดแล้ว) ที่จะพิสูจน์ว่า "ระบอบคนดี" ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งนั้นไม่ได้ "ดี" ด้วยตัวมันเองโดยอัตโนมัติ เพราะคน(ที่หลายคนเชื่อว่า)ดีนั้น ล้วนแต่เป็นมนุษย์ปุถุชน มีรักโลภโกรธหลง ไม่มีใครอยู่เหนือการเมือง และ(แทบ)ไม่มีใครอยู่เหนือวัฒนธรรมเอื้อพวกพ้องแบบไทยๆ ต่อให้ไม่ได้เป็นนักการเมืองอาชีพก็ไม่ได้แปลว่าไม่จำเป็นต้องสนใจความต้องการของฐานเสียงตัวเอง หรือปากท้องของญาติพี่น้อง
(ไม่ได้พูดว่าเหตุการณ์ในสองกรณีนี้เหมาะสมหรือถูกต้องหรือไม่ เพียงแต่ยกเป็นประเด็นสนับสนุนข้อสังเกตข้างต้น)
ระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่ระบอบที่ดีที่สุด แต่เป็นระบอบที่ "เลวน้อยที่สุด" แล้วเมื่อเทียบกับระบอบอื่น (ยืมคำของเซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล) เพราะอย่างน้อยก็มองเห็นหัวคนทุกคน และพยายามวางระบบการตรวจสอบที่ชัดเจน
(ไม่เคยไม่ชอบที่ได้ถกเถียงอภิปรายกับคนที่คิดไม่เหมือนกัน แต่บางทีก็อดเซ็งไม่ได้ว่า บางเรื่องไม่ควรมาเถียงกันเลยเพราะเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงที่เราควรจะรู้ตั้งนานแล้วจากประวัติศาสตร์ เหมือนมาเถียงกันวันนี้ว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ หรือดวงอาทิตย์หมุนรอบโลก)