ทั่นผู้ณรรมบอกแค่หยอก เรื่อง ’เมกาไม่ให้เข้า
แท้จริงจะไปกันยานี้ ประชุมยูเอ็นตามคำเชิญเลขาฯ
ซ้ำคุยซะอีกว่า มาดดีเวลาไปต่างประเทศ ไม่ขี้เล่นเหมือนอยู่ในบ้าน ว่างั้นเถอะ
ช้าก่อน การเมืองระหว่างประเทศมันอาจไม่ง่ายเหมือนการปกครองไตแลนเดีย นะทั่น
เขาไม่ได้ดูที่มาดเท่านั้น ผลงานและฝีมือต้องมาก่อน อย่างเรื่องสิทธิพลเมืองแสดงออก ไทม์ไลน์เลือกตั้ง การบังคับใช้กฏหมาย อะไรเหล่าเนี้ยสำคัญกว่า
ไม่เหมือนการบินไทยของทั่น พอบ่นว่าผลไม้ไม่เป็นสับปะรด สีซีดไม่สดกินไม่ลง ต้องรีบจัดการเปลี่ยนเมนูเป็นอาหารห้าดาวทันใด
(http://www.dailynews.co.th/…/_บินไทย_ยกเครื่องเสิร์ฟอาหาร+ห…)
หรือว่า ชาวบ้านบ่นมะนาวแพง ทั่นก็ cracked ออกมา ให้ไปปลูกกินเองในกระถาง
ไม่รู้จะมีประชากรซักกี่รายสนองนโยบายสะใจ ได้ยินแต่พูดกันว่ากว่าจะปลูกพอกิน ราคามันก็ลงไปแล้ว
เรื่องหน้าตาในสากล (อย่าหาว่าสอนตะเข้กินไก่นะฮัฟ) เขาดูกันที่เบื้องหลังในบ้าน
เช่นว่า ประเทศยูยังเป็น manufacturing huff อยู่อีกหรือเปล่า ถูกตุรกีแซงหน้าไปแล้วใช่ไหม
หรือเรื่องไล่นักท่องเที่ยวออกจากหาดไม่ให้ปูผ้าอาบแดด
ล่าสุดห้ามถ่ายเซลฟี่ครึ่งเต้าลงโซเชียลมีเดีย นี่ก็สื่อนอกเขาเขียนถึงกันขรม
ลองไปอ่านกันดู ว่า tone น้ำเสียงเขาว่ากันอย่างไร ก็อปลิ้งค์มาให้ เหนาะๆ ๓ ราย
(http://www.theguardian.com/…/thailand-warns-underboob-trend… , http://www.dazeddigital.com/…/thai-government-says-no-to-un… , http://reason.com/…/…/underboob-selfies-violate-thailand-law)
นับประสาอะไรกับเรื่องอุ้มหายพยานปากเอก (แหวน ณัฎฐธิดา มีวังปลา) คดีทหารยิงพยาบาลอาสาในวัดตาย ๖ ศพ เมื่อตอนรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวฃฃาชีวะ กระชับพื้นที่ด้วยกระสุนจริงและสไน้เปอร์ เดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๕๓
ที่ตอนแรกโฆษกคณะยึดอำนาจปกครองออกมาแถลงไม่รู้ไม่ชี้ ตอนหลังอัยการทหารยัดข้อหาสมรู้จ้างวานระเบิดศาลอาญา เพียงเพราะเธอผู้นั้นรู้จักกับผู้ต้องหาคนหนึ่งถึงขั้นเคยยืมเงินยืมทองกัน
มิพักที่จะมีกลุ่ม ‘พลเมืองขัดขืน’ และญาติผู้เสียชีวิตพากันเรียกร้อง ‘พลเรือนไม่ขึ้นศาลทหาร’ กันอยู่อึงคนึง
ศาลปฏิเสธไม่ยอมให้ประกันเพื่อปล่อยตัวชั่วคราวก็หนักหนาพอพอตัวอยู่แล้ว ชั่วร้ายไปกว่านั้น ศูนย์ทนายสิทธิมนุษยชนร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรว่า
ผู้ต้องหาถูกทุบตีทำร้ายเพื่อให้สารภาพ แม้กระทั่งรายหนึ่งถูกไฟฟ้าช็อต ปรากฏรอยจ้ำปื้นชัด
“18 มี.ค.2558 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์เรียกร้องคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติสอบสวนการทรมานผู้ต้องหาคดีระเบิดศาลอาญาระหว่างถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก
....
ตามที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดหน้าศาลอาญาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2558 และมีการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีดังกล่าว 9 รายนั้น วันนี้ (17 มีนาคม 2558) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่ นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน นายชาญวิทย์ จริยานุกูล นายนรพัฒน์ เหลือผล และนายวิชัย อยู่สุข ว่ามีการซ้อมทรมานผู้ต้องหาทั้งสี่รายโดยการชกต่อย การกระทืบบริเวณศีรษะ ทรวงอก หลัง และข่มขู่ว่าจะทำร้ายเพื่อให้ได้ซึ่งข้อมูลจากผู้ต้องหาดังกล่าว นอกจากนี้ผู้ต้องหาบางรายยังโดนช็อตด้วยไฟฟ้าและยังคงปรากฏร่องรอยดังกล่าวบริเวณผิวหนัง ระหว่างการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ระหว่างวันที่ 9 มีนาคม 2558 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา”
เรื่องอย่างนี้ต่างหากที่ถูกตีตราบนหน้าผากของทั่นผู้ณรรมเวลาไปไหนๆ ในโลก นอกจากประเทศไตแลนเดีย