วันอังคาร, มีนาคม 31, 2558

ขอโทษที เมื่อก่อนหลงผิด คิดว่านาโย้กบิ๊กตู่ไม่กล้าพูดคำนี้...“ทำมากกว่ารัฐบาลที่คุณชอบสมัยก่อนด้วย”




ขอโทษที เมื่อก่อนหลงผิด คิดว่านาโย้กบิ๊กตู่ไม่กล้าพูดคำนี้

“ทำมากกว่ารัฐบาลที่คุณชอบสมัยก่อนด้วย”

รัฐบาลที่ว่านั่น ‘ไม่ธรรมดา’ เพราะไม่ได้มาจากการชนะเลือกตั้ง แต่ได้เป็นรัฐบาลด้วย ‘วิธีวิเศษ’

อีกทั้งผู้ถามก็ ‘ไม่ธรรมดา’ เป็นนักข่าวหญิงช่อง ๗ นามว่า สมจิตต์ นวเครือสุนทร

ที่เคยตามติดอดีตนายกฯ ชายนายหนึ่งเสียจน ‘รับไม่ได้’ กับนายกฯ หญิงที่ชนะเลือกตั้งต่อมา
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427640632)

ข่าวว่าครานี้กิริยาวาจาในการซักถามของเธอ เรียบดีมีนวลอย่าง ‘ไม่ธรรมดา’

ก็คงแค่ “เศรษฐกิจแก้ยากเหรอคะท่าน” อะไรทำนองนั้น ทั่นถึงได้บอก “เราไม่โมโหคุณหรอกวันนี้”

ทว่า นั่นมันแค่ส่วนที่โผล่เหนือน้ำของภูเขาน้ำแข็ง ส่วนที่อยู่ใต้น้ำมาจากผู้การฯ เรือแป๊ะ

“กมธ.ยกร่างฯเปรียบเสมือนเป็นคนพายเรือ สปช.เป็นลูกเรือ เรือลำนี้กำลังแข่งกับนักการเมืองซึ่งเตรียมทีมแจวไว้อย่างดี เป็นการปรองดองครั้งแรกระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์”
(http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427615877)

อ๋าย หลายคนบอก ก็ไม่นึกจะได้ยินแบบนี้ อะไรนะ พท.-ปชป. ปรองดอง

มิน่า นาโย้กถึงไม่โมโห ประมาณว่างานนี้สำเร็จ อุตส่าห์ตากหน้าให้อียู เมกา นิปปอน ด่าว่าไม่เป็น ปชต. มุ่งมั่นแก้ปัญหาสองฝักทะเลาะกัน ตอนนี้ปรองดองซะแล้ว

ก็ไอ้มาตรา ๔๔ นี่ไง ที่ฟันดำออกมาเตือนให้รีบใช้ แล้วผู้ณรรมบอก “เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” ไม่จำเป็นต้องให้ได้วันขึ้นปีใหม่ (ไทย)
(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=878151065576686)

ไหงดันสองพรรค ‘คู่กัด’ ออกมาคล้องจอง ‘ร่วมกันตี’ ยังกับปี่กับซอ

(ขอบคุณ Thanapol Eawsakul ที่ให้ลายแทง)

นี่จาก จาตุรนต์ ฉายแสง แห่งพรรคเพื่อไทย

“อีกทั้งยังมีองค์กรที่จำนวนมากที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเข้ามาควบคุม ตนเชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชนได้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ ใครก็ตามที่ลงเลือกตั้งก็จะไม่มีโอกาสแก้ปัญหาได้เลย”

กับ

“สำหรับการใช้ระบบเลือก ส.ส. บัญชีรายชื่อแบบระบบโอเพนลิสต์นั้น มีผลกระทบต่อความเป็นเอกภาพ และ ทำให้ประชาชนรู้สึกสับสน ซึ่งผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อแต่ละพรรคนอกจากต้องแข่งขันกับพรรคการเมืองคู่แข่ง ยังต้องแข่งขันหาเสียงกันเองกับผู้สมัครพรรคเดียวกันอีกด้วย”

และนั่นจาก จุลินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แห่งพรรคประชาธิปัตย์

ส่วนที่กรรมการสิทธิมนุษยชนไทย ว่าไว้

“ถือเป็นการให้อำนาจเด็ดขาดไร้ขีดจำกัดกับหัวหน้า คสช. ซึ่งนายสมชายมองว่าในสายตาชาวโลกยิ่งจะแย่ลงกว่าเดิม และหากเห็นว่าการใช้กฎอัยการศึกล้าสมัย ก็ควรใช้วิธีแก้กฎหมายโดยเสนอผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือหากนำ พ.ร.บ. ความมั่นคง หรือ พ.ร.ก. ในสถานการณ์ฉุกเฉินมาใช้แทนกฎอัยการศึกก็จะเป็นการลดความรุนแรงของกฎหมายลง”
(http://news.thaipbs.or.th/…/นักสิทธิฯ-ชี้ใช้มาตรา-44-แทนกฏอ…)

ทั่นผู้ณรรมกลับฉุนเป็ด “ก็ไปบอกกสม.ให้มาดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย แค่เรียบร้อยยังทำไม่ได้เลย ที่ผ่านมาใช้ทั้งพ.ร.บ.ความมั่นคงฯและพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้วทำได้ไหม มันถึงต้องมีวันนี้” ไง

วันนี้ วันที่ ปชป.แสดงวิสัยทัศน์เหมือนชื่อพรรคเลย ใครจะว่า "กินไข่-เกลียดปลาไหล" ก็ชั่ง...มันเป็นไปแล้วฤๅนี่





ขนาด Michael Yon นักข่าวนินจามะกัน อดีตจีไอ sidekick ของพรรค ปชป. ยังออกมาอ้อนวอนทั่นผู้ณรรม

ได้โปรด “consider handing power back to civilians soon”

ทำเอาแฟนขลับเต้นเร่า ‘เป็นเจ้าเข้า’
(https://www.facebook.com/MichaelYonFanPage/photos/a.235978145664.135781.207730000664/10152792328525665/?type=1)


ซ้ำพี่ป้อมพลอยผสมให้อีก “แขวะ กก.สิทธิ์ฯไม่ต้องมาสอน...ทั้งมาตรา ๔๔ และกฎอัยการศึกมีค่าเท่ากัน เพราะใช้ควบคุมสถานการณ์ได้ โดยมาตรา ๔๔ ยังคงเน้นในเรื่องการควบคุมตัว ตรวจค้น และออกหมายจับเช่นเดียวกับกฎอัยการศึก...

พลเอกประวิตรกล่าวว่า การใช้กฎอัยการศึกอาจดูรุนแรงในสายตาต่างชาติ ดังนั้นจึงพิจารณานำมาตรา ๔๔ เพื่อใช้ดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยแทน”
(https://www.facebook.com/photo.php?fbid=878506465541146)

รวมความว่า มาตรา ๔๔ นี่เอามาใช้เพื่อให้ ‘ดูดี’ ในสายตาต่างชาติ นอกนั้นทุกอย่างเหมือนเดิม...

รวมทั้ง ‘ขี้ตู่’ แบบผลงานสาธารณสุข ๖ เดือน