วันเสาร์, มีนาคม 21, 2558
"สหายตะเกียง"
โดย สมบัติ บุญงามอนงค์
เมื่อต้นปี 50 ผมกลับจากการบรรยายจาก มธ ท่าพระจันทร์ เรียกเท็กซี่กลับที่พัก
คนขับถามผมว่าเป็น อ.อยู่ที่ มธ เหรอ ผมปฏิเสธบอกเพียงมาทำธุระแถวนี้
โซเฟอร์ชวนผมคุยเรื่องการเมือง แต่ทฤษฏีการวิเคราะห์ของเขามองจากกรอบชนชั้นในสังคม และพูดถึงอิทธิพลของมหาอำนาจทั้งจีนและตะวันตกที่มีผลกระทบต่อสังคมไทย แน่นอนว่าผมนั่งฟังเป็นส่วนใหญ่ จนถึงจุดหนึ่งผมอดถามไม่ได้ว่า เขาเป็นใคร ?
โซเฟอร์ตอบว่าเขาเป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง ที่พอคิดวิเคราะห์ได้เพราะอาชีพได้พูดคุยกับผู้โดยสารจำนวนมากและมีเวลาฟังวิทยุวิเคราะห์การเมืองไปตามเรื่องตามราว
ตอนลงจากเท็กซี่ผมทำ 2 อย่าง
หนึ่ง....มอบหนังสือที่เจ้าภาพให้มา 2 เล่มแก่เขา บอกว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์เพราะเขาเป็นคนใฝ่รู้
สอง...ผมจดชื่อของคนขับรถที่ติดอยู่ที่เอกสารด้านหน้ารถ ชื่อเขาคือ สรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน
เมื่อกลับมาบ้านผมมาค้นใน Google พบว่าชายที่ขับเท็กซี่คนที่มาส่งผม เป็นอดีต นศ มช สมัยยุค 2516 เป็นนักกิจกรรมที่ทำงานด้านการจัดตั้งงานชาวนา เป็นสหายป่า
ผมโทรไปหารุ่นพี่เดือนตุลาคนหนึ่งที่อยู่เชียงใหม่ ถามว่ารู้จักชายคนนี้มั๊ย โชคดีว่ารุ่นพี่คนนี้รู้จักและหาเบอร์โทรให้ผมได้ ผมจึงโทรไปคุยกับคนขับรถเท็กซี่คนนั้นอีกครั้ง บอกเขาว่าผมอยากพบเขาอีกครั้งและชวนมาร่วมกิจกรรมทางการเมืองต่อต้าน คมช ในเวลานั้น
หลังจากนั้นผมก็ได้เห็นเขาและรถเท็กซี่ของเขาไปตามม๊อบต่าง ๆ และเริ่มเห็นเขาพูดคุยกับผู้คนอย่างที่เขาคุยกับผมบนรถเท็กซี่
หลังจากที่ผมถูกทหารควบคุมตัวและปล่อยตัวออกมา เราพบกันครั้งหนึ่งในงานเลี้ยงต้อนรับโดยมีครูประทีปเป็นคนจัดงาน พี่สรรเสริญได้พูดถึงมุมมองและสถานการณ์บ้านเมืองที่แกมองเห็น แล้วน้ำตาแกก็ไหลออกมาจากความคับแค้น นี่เป็นครั้งที่ 2 (ครั้งแรกตอนประชุมจัดงานรำลึกลุงนวมทอง) ที่ผมเห็นน้ำตาแกไหลท่ามกลางผู้คนโดยไม่เขินอาย มันใสซื่อจากก้นบึ้งของหัวใจ
ผมมั่นใจแบบไม่มีความรู้สึกกังขาว่า แกไม่ใช่คนที่นิยมใช้ความรุนแรง แกมีหลักการที่แน่วแน่ ซึ่งผมเชื่อว่าแกจะพูดถึงอุดมการณ์ความเชื่อของแกอย่างไม่ปิดบังและเปิดเผยต่อทหารที่มาสอบสวนในค่ายทหาร แต่แกจะไม่ยอมโกหกตัวเองเพื่อที่จะขอให้ใครที่กำลังพยายามทรมานเขาเพื่อให้เขากล่าวหาตัวเองในสิ่งที่เขาไม่ได้กระทำ
ผมได้ยินว่าจะมีการไปสอบสวนพี่สรรเสริญอีกครั้งเรื่องที่แกให้ข้อมูลกับทนายว่าโดนซ้อมทรมาน ผมมั่นใจว่าแกจะยังคงยืนกรานเช่นเดิม
"สหายตะเกียงคนนี้กับนวมทอง ไพรวัลย์ เป็นคนประเภทเดียวกัน"