วันจันทร์, มีนาคม 23, 2558

บทความแปล: ถ้าใช้เรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ได้ ก็พยายามยัดเรื่องการก่อการร้ายให้แทนก็แล้วกัน


(อ้างอิง: If lese majeste doesn’t work, try terrorism)

หมายเหตุ: เวปไซค์นี้ถูกบล๊อกในประเทศไทย

**************************

พลเอก อุดมเดช สีตบุตร ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่อง "ข่าวกรองของทางกองทัพ และการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"  มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า เขามีความอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่งจากประเทศต่างๆ ไม่ได้ให้ความสนใจตามที่กลุ่มเผด็จการทหารได้ขอร้องให้นำตัว "ผู้ต้องสงสัย" ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพส่งตัวกลับมาสู่ประเทศไทย ดังนั้น ฝ่ายเผด็จการทางกองทัพเองก็เปลี่ยนยุทธวิธีแทนเสียใหม่

ประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่ยอมรับถึงเรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่ามันเป็นเรืองเกี่ยวกับกฎหมายอันร้ายแรงได้ และแถมยังให้ลำดับความสำคัญน้อยกว่าเรื่องของ "ความมั่นคงภายในประเทศ" ตามที่ฝ่ายชนชั้นสูงของประเทศไทยได้อ้างอยู่เรื่อยๆ เสียด้วย เมื่อทางฝ่ายเผด็จการทหารเอง พยายามแสวงหาแต่เรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนด้วยข้อหาการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น ก็มีแต่ความเงียบงันกลับคืนมาเหมือนกับทางต่างประเทศได้มองแบบหูทวนลม


ดังนั้น "มันสมองอันชาญฉลาด" ของฝ่ายเผด็จการทหารและทางฝ่ายกองทัพ ก็ได้ทำการ "ปลุกผี" (Conjured) ด้วยวิธีการใหม่ขึ้นมา: ด้วยการอ้างว่า ผู้ต้องสงสัยในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น คือ "ผู้ก่อการร้าย" (Terrorists) นั่นเอง


พลเอกอุดมเดช ได้อธิบายต่อไปว่า "ทางกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงยุติธรรม กำลังทำการขอให้มีการส่งคนร้ายข้ามแดน โดยบุคคลที่ชื่อว่า คุณมนูญ (เอนก) ชัยชนะ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการวางแผนซึ่งเกี่ยวกับการก่อการร้ายทั้งหมด ทางการของไทยเชื่อว่า คุณเอนกได้อาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในเวลานี้ คุณมนูญนั้นได้ทำการ upload คลิปวิดีโออยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ชื่อว่า เอนก ซาน ฟรานซิสโก ซึ่งทำการวิพากย์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่งถือว่าเป็น อาชญากรรมภายใต้กฎหมายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ"



เวป Political Prisoners in Thailand เลยขอถาม ท่านสมาชิกของฝ่ายเผด็จการทหารทั้งหลายแหล่นั้นว่า พวกคุณคิดหรือว่า ทางฝ่ายบริหารของประเทศต่างๆ ทั่วโลกทั้งหมด จะปฎิบัติการและดำเนินการตามรูปแบบข้อมูลข่าวกรองชุ่ยๆ ซึ่งมีแต่ความคิดคับแคบ เหมือนกับพวกของตนเองอย่างนั้นหรือ?



**************************

ความคิดเห็นของผู้แปล:

(เชิญแชร์ได้ตามสบายค่ะ)

บทความแปลฉบับนี้ เป็นฉบับโบนัส เพราะเห็นว่าเป็นบทความสั้นๆ แต่สื่อความหมายได้ดีทีเดียว วันนี้เลยขอแปลให้อ่านกัน สองบทความเลย



อย่าลืมว่า การปฎิบัติต่อ "ผู้ต้องสงสัย" เกี่ยวกับเรื่อง การก่อการร้ายโดยเฉพาะภายใน USA นั้น อยู่ๆ คุณจะมา "ยัดหลักฐาน" ไม่ได้เลย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทางต่างประเทศ เขาจะติดต่อกับ สถานทูตฯ ภายในประเทศไทยก่อน เพื่อสืบข้อมูลตามกระบวนการเพื่อความแน่ใจและแน่ชัด (คดีฟ้องกลับมันแพงมากๆ และเสียชื่อเสียงของทางฝ่ายรัฐด้วย) ถ้าท่านคิดว่า ประเทศต่างๆ จะใช้วิธีการแบบที่ทางประเทศไทยได้ทำกับคุณ วิคเตอร์ บูท นั้น ก็คงจะไม่ได้ (เพราะดิฉันจำได้ว่า คุณวิคเตอร์ บูท ก็ต้องผ่านกระบวนการศาลยุติธรรมของประเทศไทย ก่อนที่จะมีการส่งมอบตัวให้กับทาง USA)



ถ้าเคสนี้ เป็นเคสเกี่ยวกับการก่อการร้ายอย่างที่กล่าวไว้ คุณเอนกก็จะต้องขึ้นศาลใน USA ก่อนอยู่ดี ว่า กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาไว้หรือไม่ รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาเอง ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า กระบวนการจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะเขาสามารถอ้างอิงเคสของ คุณวิคเตอร์ บูทได้ว่า ก่อนหน้านั้น คุณบู้ท ก็ต้องถูกส่งขึ้นศาลไทยก่อนเช่นกัน



และตอนนี้แหละ ที่ทางทนายของคุณเอนก จะท้าให้แจ้งถึงวัตถุพยาน และประจักษ์พยาน ซึ่งถ้าทางฝ่ายผู้ฟ้องไม่สามารถหาได้ หรือมีไม่พอเพียง หรือ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เคสนี้ จะกลายเป็นเคสหมิ่นประมาทไป



**************************

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และต้องละเอียดมากๆ ข้อสำคัญคือ การปาระเบิดนั้น มีความเสียหายมากน้อยแค่ไหน มีใครเสียชีวิตบ้าง เท่าที่ทราบมานั้น อาวุธต่างๆ แทบจะไม่เห็นเลย แต่ยังมีความพยายามที่จะลากคนเข้าไป โดยเปลี่ยนข้อหา "การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ให้กลายเป็นเรื่องของ "การก่อการร้าย" แทน



อย่าลืมว่า ถ้าใช้เรื่องแบบนี้บ่อยครั้งเท่าไร ความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเอง ก็ยิ่งลดน้อยถอยลง และอย่าคิดว่า ทางต่างประเทศและหน่วยข่าวกรองของเขาจะดูสถานการณ์ไม่ออกนะคะ นี่ขนาดเวปไซค์ธรรมดาของอังกฤษ เขายังดูออกเลย....


และเรื่องการก่อการร้ายนั้น มันไม่ใช่อยู่ๆ จะเกิดขึ้นครั้งเดียว หรือ พรวดเดียวค่ะ มันจะต้องทำกันเป็น Trend จนกระทั่งเขามั่นใจว่า ได้รับการสนับสนุนมาจากกลุ่มนี้หรือกลุ่มนั้นแน่นอน....



Happy Monday ค่ะ

Doungchampa Spencer-Isenberg