วันศุกร์, มีนาคม 20, 2558

ปธ. กสทช. สั่งปิดทีวีเสื้อแดง “PEACE TV” ทำผิดเงื่อนไขในห้วง 6 เดือน จตุพร พรหมพันธุ์ โพสต์ "การปิดทีวี ถือว่าเป็นการทำร้ายหัวใจขั้นสูงสุด เพราะทำอยู่เพียงฝ่ายเดียว"




การปิดทีวี ถือว่าเป็นการทำร้ายหัวใจขั้นสูงสุด เพราะทำอยู่เพียงฝ่ายเดียว

สิ่งหนึ่ง ที่ต้องการจะสื่อสาร ถึงคนที่มอนิเตอร์พวกเราอยู่นั้น ผมไม่ทราบหรอกครับ ว่าเป็นใครบ้าง อะไรที่มีความขุ่นข้องหมองใจกันนั้น ก็ควรที่จะปฏิบัติกันอย่างตรงไปตรงมา

บอกมาครับ ว่าให้ผมไปคุยกันที่ไหน ผมไม่ได้ไปง้อให้เปิดทีวี แต่ว่าผมต้องการจะรักษาบรรยากาศของบ้านเมือง

การปิดทีวี ถือว่าเป็นการทำร้ายหัวใจขั้นสูงสุด เพราะทำอยู่เพียงฝ่ายเดียว

พวกผมไม่ใช่คนไม่สู้คนนะครับ บอกไว้ก่อน

พวกผมต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า อย่างไม่บอบช้ำไปมากกว่านี้ ผมจึงเตือนสติทุกฝ่ายว่า เมื่อมีเหตุการณ์อะไร ก็ขอให้พี่น้องประชาชนใช้ความอดทนขั้นสูงสุด แม้ว่าจะโดนยั่วขั้นสูงสุดอย่างไร เราต้องใช้ความอดทนขั้นสูงสุด มากกว่านั้น

หลายเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจของประชาชน ผมอธิบายกับพี่น้องประชาชนเสมอว่า เหมือนกับเราเข้าไปดูหนังในโรง อย่าลุกออกกลางเรื่อง ให้ดูตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วจะได้เห็นเรื่องราวต่างๆอย่างครบถ้วน

โทรทัศน์บางช่อง ใช้ถ้อยคำสาหัสกว่าเราเยอะ แต่ก็ไม่มีปัญหา ผมจีงสงสัยว่าต้องการอะไร?

เราก็อยู่กันอย่างสงบ สันติ ต้องการหาแนวทางสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาของชาติ คือไม่ทราบว่าต้องการจะบีบบังคับให้พวกเราทำอะไร?

ดังนั้น แต่ละฝ่ายก็ต้องช่วยกันคิด

ผมไม่ใช่ทหาร แต่ผมก็มีใจนักเลง ปากกับใจตรงกัน

ในช่องของเรา มีรายการฟังความรอบด้านครับ มีการเชิญหลากหลายฝ่ายมาแสงความคิดเห็น ในแม่น้ำ5สายเราก็เชิญมา อีกฟากหนึ่ง คนที่เคยไปเป่านกหวีด เราก็เชิญมา

เราไม่ได้ฟังความเฉพาะพวกเดียวกันเองเท่านั้น แต่สถานีของเรา เปิดประตูสำหรับการฟังความของทุกฝ่าย

ถ้าบ้านเมืองนี้คิดแต่ว่าเราถูกเพียงฝ่าย ก็เหมือนที่นายกรัฐมนตรีมีความรู้สึกต่อสหรัฐนั่นแหละครับ

ที่มา FB
Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์





ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
19 มีนาคม 255

ปธ. กสทช. โต้ “ตู่ - จตุพร” ไม่เลือกปฏิบัติสั่งปิดทีวีเสื้อแดง ชี้หลักฐานชัด “PEACE TV” ทำผิดเงื่อนไขในห้วง 6 เดือน ย้ำตักเตือนมาตลอด ด้าน “ณัฐวุฒิ” โผล่! อ้างถูกล็อกเป้า เอาให้ตาย! ไม่สนถูก กปปส. ชลบุรี แจ้งจับ จ้าง “กี้ร์” ล้มประชุมอาเซียน ย้ำ “จะได้รู้ใครคือคนบงการตัวจริง”

วันนี้ (19 มี.ค.) พันเอก ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ (กสทช.) โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเพจชื่อ “Natee Sukonrat” ตอบโต้ นายจตุพร พรหมหันธุ์ ประธาน นปช. ที่พูดผ่าน สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม “PEACE TV” ของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยอ้างว่า ถูก กสทช. กลั่นแกล้งปิดสถานีเป็นการรังแก และอาจจะลุกขึ้นนำมวลชนตอบโต้

ตอนหนึ่งในโพสต์ ระบุว่า “กรณีของ สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม “PEACE TV” ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของอนุกรรมการด้านผังและเนื้อหารายการ ยังมิได้นำเสนอต่อ กสท นอกจากนี้ การได้รับการอนุญาตให้เปิดสถานีโทรทัศน์ขึ้นมาออกอากาศใหม่ ได้อีกครั้งหลังถูกคำสั่ง คสช. ให้ปิดสถานีตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 นั้น เป็นการดำเนินการเปิดโดยมีเงื่อนไขว่า จะไม่มีการออกอากาศเนื้อหาที่ส่งผลทำให้เกิดความแตกแยก หรือกระทบกับความมั่นคงของชาติ ซึ่งทุกสถานีได้ยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ดังนั้น ในห้วง 6 เดือน ที่ผ่านมา กสท ได้เชิญสถานีที่ออกอากาศเนื้อหาไม่ถูกต้องมาตักเตือนโดยตลอด กสท ได้ดำเนินการตามลำดับขั้นตอน มีกระบวนการชัดเจน ไม่เลือกปฏิบัติต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตามหลัก กม. และข้อตกลงที่ได้จัดทำร่วมกัน

วันเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ “เข้าใจตรงกันนะ” ทาง พีช ทีวี ถึง กรณี กปปส. ชลบุรี แจ้งความจับโดยระบุว่าเป็นผู้บงการจ้างวาน นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ให้นำกลุ่ม นปช. กว่า 1,000 คน บุกล้มการประชุมผู้นำอาเซียน ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช พัทยา เมื่อปี 2552 โดยมีหลักฐานเป็นคำปราศรัยของนายณัฐวุฒิ และ นายอริสมันต์ ในการจ้างวานให้ล้มการประชุม ด้วยเงิน 1.8 แสนบาท

โดยตอนหนึ่ง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เคยได้ยินแต่เขาจ้างล้มบอล ล้มมวย เพิ่งได้ยินว่ามีการสั่งล้มการประชุม ซึ่งไม่ใช่การประชุมธรรมดา แต่เป็นการประชุมระดับผู้นำประเทศ ไม่ทราบว่าคนเดินสายจะไปแจ้งความที่ไหนอีก ทั้งนี้ ไม่อยากให้ประชาชนกังวล เพราะสถานการณ์ขณะนี้ ขยับมาใกล้ตัวมากขึ้น ได้ข่าวมาว่ามีการล็อกเป้ากันอยู่ ต้องเอาตนให้ได้ และหาสารพัดเรื่องเข้ามาใส่ ทำเป็นขบวนการ รวมถึงบางสื่อที่ระบุตนตายแน่

“ผมไม่วิตกกังวลกับข้อกฎหมาย รวมถึงสถานการณ์นี้ พร้อมต่อสู้ในทุกถ้อยกระทงความอยู่แล้ว ใครจะมาสืบเอาเรื่องก็เป็นสิทธิของท่าน และเป็นสิทธิของผมที่จะต่อสู้ ก็ดีเหมือนกันที่มีการหยิบยกขึ้นมา จะได้รู้ไปเลยว่าถ้ามีการใช้จ้างวานจริง จะได้รู้เลยว่าเป็นคนกลุ่มไหน ระหว่างกลุ่มเสื้อแดง กับบุคคลที่มีอำนาจมีอิทธิพลในฝ่ายรัฐในเวลานั้น ตอนนั้นคนเสื้อแดงมีเจตนาเดียว คือ ไปยื่นหนังสือแสดงเจตนารมณ์ว่าไม่ยอมรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เนื่องจากมีที่มาไม่ชอบตามกระบวนการประชาธิปไตย เมื่อไปยื่นหนังสือเสร็จตั้งใจจะกลับ แต่ขากลับ มีผู้มีอำนาจไปจัดตั้งแก๊งสวมเสื้อสีน้ำเงิน โพกหัว คลุมตา ถือมีด ถือปืน มีอาวุธสารพัดชนิด แล้วยืนปนอยู่กับตำรวจ ทหาร แบบคนรู้จักกัน นั่งรถคันเดียวกัน มีภาพอยู่ ฉะนั้น หากต้องต่อสู้ในศาล จะได้เอาให้ชัดเลยว่าใครใช้จ้างวานใคร ใครออกคำสั่งคนพวกนั้น” นายณัฐวุฒิ กล่าวและว่า ขอขอบคุณพี่น้องที่ให้กำลังใจ ไม่ต้องกังวล ตนสบายๆ ยิ่งสถานการณ์คับขัน ยิ่งเข้ามาใกล้กับจุดยืนของเรา เรายิ่งต้องนิ่ง ต้องมั่นคง หนักแน่น และประเมินสถานการณ์รอบตัว อ่านเกมให้ขาด และกำหนดยุทธศาสตร์ให้ชัด