ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558
จากกรณีที่ เลขาส่วนตัว“ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก”ราษฎรอาวุโส เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตเยอรมันแสดงกิริยาไม่ให้เกียรติ ขณะขอวีซ่า ด้วยการใช้น้ำเสียงหงุดหงิด แสดงสีหน้าไม่พอใจ ซ้ำยังผลักกองเอกสารเหมือนเป็นการไล่ แต่พอรู้ว่าเป็นบุคคลสำคัญถึงกับหน้าซีด รีบยอมรับเรื่องไว้ แต่ “ศาสตราจารย์ระพี” ตอบกลับว่า “ไม่เอาแล้ว ไม่อยากได้ ไม่ให้เกียรติกันอย่างนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกัน” จนกลายเป็นกระเเสสังคมที่เห็นว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตเยอรมันทำไม่ถูกต้อง
ล่าสุดเพจเฟสบุ๊กชื่อดังอย่างเพจ"ศาสดา" ที่มีผู้ติดตามกว่า 2 แสนคน ได้โพสต์วิพากษ์ วิจารณ์กรณีดังกล่าว โดยเห็นว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่สถานทูตสมควรถูกตำหนิเพราะไม่สุภาพ แต่อีกด้านฝ่ายของผู้ติดต่อขอวีซ่าก็มีความผิดมากๆ ในเเง่ที่ไม่ทำตามข้อกำหนดของสถานทูตเช่น การตรวจร่างกาย จนเกิดความผิดพลาด ทั้งยังไม่มีความพร้อมเรื่องเอกสารต่างๆอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังไม่เห็นด้วยกับการอ้างความเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง จนนำไปเกี่ยวข้องหรือเป็นเหตุผลในการติดต่อกับสถานทูต เพราะการสอบถามเรื่องต่างๆล้วนเป็นสิทธิและอำนาจ และเป็นเรื่องปกติของสถานทูตนั้นๆ ส่วนเรื่องสุภาพหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งนี้เพจศาสดายังเห็นว่า คนทุกคนสมควรได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียรติ และสุภาพ ในฐานะพลเมืองที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ในฐานะความเป็นผู้ใหญ่ หรือเคยทำความดีมาเยอะ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สถานทูตก็สมควรถูกตำหนิ หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามข่าวเป็นจริง แต่อีกด้าน ฝ่ายที่ขอวีซ่าก็ควรถูกตำหนิ ที่ยังขาดความรับผิดชอบในเรื่องเอกสารตามระเบียบสถานทูตเยอรมัน
จากเนื้อข่าวนี้ จนท.สถานทูตสมควรถูกตำหนิเพราะไม่สุภาพ แต่ถ้าอ่านดีๆฝ่ายนี้ก็ผิดนี่ครับ ผิดมากๆด้วย เพราะคุณไม่ไปตรวจร่างกายตามที่สถานทูตเค้ากำหนด แล้วมาบอกว่าเพิ่งไปโรงพยาบาลเมื่อเช้า แต่หมอไม่อยู่ เลยไม่ได้ตรวจ เค้าให้คุณไปตรวจล่วงหน้ากี่วันแล้วครับ? ทำไมเพิ่งจะไปเอาเช้าวันนั้น? สรุปคือไม่รับผิดชอบตัวเองด้วย เอกสารรับรองรายได้-ประกันก็ไม่มี
จะมาอ้างว่าตัวเองมีประกันของบัตรเครดิต The Wisdom ก็ไม่เกี่ยวนี่ครับ นั่นเป็นประกันที่เป็น privilege ของบัตร ไม่ใช่ตาม requirement ปกติสากล ถ้าอ้างว่าตัวเองมีประกันแบบนี้แล้วไม่ต้องทำประกันตามมาตรฐานสากล ต่อไปใครไปขอวีซ่าก็อ้างได้ดิว่าดิชั้นเป็นสมาชิกกิฟฟารีน ซื้อของครบตามยอด เค้ามีประกันแถมให้คนละ 300,000 หรือฉันถือบัตรเครดิตแพลตินัมมีแถมประกัน 1 ล้านบาทอยู่แล้ว สังคมเราจะเอากันแบบนี้จริงๆหรอครับ?
แล้วยิ่งมาอ้างความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ หรือคุณงามความดีนี่ยิ่งเลอะเทอะไปใหญ่ มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่สถานทูตถามซอกแซกครับ? เขามีสิทธิถามตามหน้าที่นะ ถามเรื่องลูก เมีย เงินเดือน ประกันชีวิต หรือถามว่าจะไปทำไม มันเป็นหลักปกติมากๆ ทุกคนก็โดนถาม และสถานทูตมีสิทธิ์ถามอยู่แล้ว 100% สุภาพไม่สุภาพอีกเรื่องหนึ่ง แต่คำถามพวกนี้มันเป็น basic questions ที่ต้องโดนอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะยิ่งใหญ่มาจากไหนก็ตาม
คนเราทุกคนควรได้รับการให้เกียรติและได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพเสมอกันในฐานะพลเมืองที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ในฐานะเพราะฉันยิ่งใหญ่เป็นคนใหญ่คนโต หรือเป็นปูชนียบุคคล คุณจะเคยทำคุณงามความดีหรือมีคนกราบไหว้ทั้งแผ่นดินอะไรนั่น มันก็เป็นคนละเรื่องกัน
สรุปคือ เจ้าหน้าที่สถานทูต สมควรถูกตำหนิถ้าทำหน้าหมาๆ หรือพูดจากระโชกโฮกฮากหยาบคายจริงตามที่เขียนในข่าว แต่ ศ.ระพี ไรนั่นก็สมควรถูกด่าไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะมึงก็ผิดที่ไม่รับผิดชอบเอกสารของตัวเองตามระเบียบของสถานทูตเยอรมัน
Source : http://bit.ly/19FL8Au
ooo
https://www.youtube.com/watch?v=g-sPJw1Loic
SUN, 03/22/2015 - 14:14 JOM
ที่มา Thai Voice Media
อาจารย์ยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์ด้านสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันสอนอยู่ที่ Wisconsin Medison University USA. ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia กรณี ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก บุคคลที่สังคมไทยยกย่องให้เป็นราษฎรอาวุโส ไม่พอใจการปฎิบัติหน้าที่อย่างไม่ให้เกียรติ ของเจ้าหน้าที่คนไทยที่ทำงานอยู่สถานทูตเยอรมัน ขณะที่ ศาาสตราจารย์ระพี เดินทางไปขอวีซ่าเพื่อที่จะเดินทางไปประเทศเยอรมันว่า เป็นปัญหาในเรื่องความคิด ความเชื่อของวิถีสังคมไทยส่วนใหญ่ที่ยังเชื่อว่า คนไทยมีค่าไม่เท่ากัน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่คิดว่าตัวเองเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ชน มีความเหนือกว่าคนไทยโดยทั่วไป ซึ่งเป็นปัญหาสร้างความขัดแย้งในสังคมไทยอยู่ในเวลานี้ ปัญหานี้ มาจากระบบการศึกษาไทยที่ทำให้คนไม่เท่ากัน ระบบการศึกษาไทยมีเป้าหมายเพื่อยกฐานะตัวเองให้เป็นอภิสิทธิ์ชน และวิถีวัฒนธรรมการเคารพบูชาบุคคลในทุกกรณีโดยไม่มีเงื่อนไข วิธีคิดแบบนี้ ชนชั้นนำทั้งหลาย ทั้งที่มีการศึกษาดี มีฐานะดี มีชาติกระกูลดี ต้องการที่จะรักษามันไว้ เพื่อตัวเองจะได้ประโยชน์ ได้อำนาจ หรือได้อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป คนกลุ่มนี้จึงพยายามสร้างให้สังคมไทยเห็นคุณค่าและ ให้เชื่อว่าเป็น เอกลักษณ์ที่ดีงามของวัฒนธรรมไทยที่คนไทยจะต้องรักษาไว้ ทั้ง ๆ ที่เป็นไปเพื่อรักษาสถานะและผลประโยชน์ของอภิสิทธ์ชนมากกว่า อย่างไรก็ตาม สังคมไทยยุคใหม่ มีการตั้งคำถามถึงการดำรงอยู่ของวัฒธรรมการเคารพความอาวุโส หรือผู้มีความรู้ ความสามารถในทุกสถานกาณ์ อย่างไม่มีข้อกำจัด มากขึ้นเรื่อย ๆ และเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจในสังคมไทยในเวลานี้ จะทำให้เกิดการค้นหา และพยายามสร้างสังคมในจินตนาการใหม่ ที่ทำให้่คนไทยมีค่าของความเป็นคนเท่าเทียมกัน มีสิทธิในความเป็นมนุษย์เสมอกันในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งสังคมไทยในจินตนาการใหม่นี้ จะเกิดขึ้นได้ในบรรยากาศทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น