วันอาทิตย์, มีนาคม 22, 2558

ศาลทหารพิพากษาจำคุก โอภาส จำเลยคดีเขียนฝาผนังห้องน้ำ ด้วยมาตรา 112 เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน หลังให้การรับสารภาพ



ที่มา ILAW

ศาลทหารพิพากษาจำคุก โอภาส จำเลยคดีเขียนฝาผนังห้องน้ำ ด้วยมาตรา 112 เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน หลังให้การรับสารภาพ

20 มีนาคม 2558

ศาลทหารกรุงเทพนัดสอบให้การ คดี112 ของโอภาส ชายอายุ 67 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่าเขียนข้อความวิจารณ์การทำงานของคสช. บนฝาผนังห้องน้ำในห้างซีคอนสแควร์ โดยเนื้อหาบางส่วนของข้อความ เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ

โอภาสถูกฝากขังตั้งแต่เดือนตุลาคมจนครบกำหนดฝากขัง 84 วันในช่วงต้นเดือนมกราคม โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อครบกำหนดฝากขัง อัยการทหารยื่นฟ้องคดีต่อศาลทหารกรุงเทพ ซึ่งศาลนัดโอภาสสอบคำให้การในวันที่20 มีนาคม 2558

คดีของโอภาสได้รับความสนใจความสนใจจากหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติและ สหพันธ์สิทธิมนุษยชนสากล (FIDH) ส่งผู้แทนมาสังเกตการณ์ด้วย ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศอย่าง สำนักข่าว AP และ Reuters ก็ส่งผู้สื่อข่าวมาทำข่าวเช่นกัน

ศาลทหารเริ่มกระบวนพิจารณาในเวลา 10 นาฬิกาเศษ วันนี้ศาลไม่สั่งพิจารณาลับ ทำให้ผู้สื่อข่าวและผู้สังเกตการณ์ ภรรยาของโอภาส รวมทั้งเพื่อนของโอภาสที่เดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานี สามารถเข้ามานั่งในห้องพิจารณาคดีกับโอภาสได้

ศาลเริ่มกระบวนพิจารณาโดยอ่านบรรยายฟ้อง ก่อนจะถามโอภาสว่า จะให้การอย่างไร โอภาสตอบศาลด้วยเสียงสั่นเครือว่า "รับสารภาพครับ"
ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้เลย และเริ่มอ่านคำพิพากษาต่อทันที

ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ลงโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นเวลา 3 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1ปี 6 เดือน เนื่องจากจำเลยยื่นเอกสารประกอบเกี่ยวกับสุขภาพและความประพฤติชัดเจน จึงลงโทษสถานเบา

อ่านรายละเอียดคดีของโอภาสได้ที่http://freedom.ilaw.or.th/case/634

อ่านเรื่องราวของโอภาสในแบบฉบับ the series ได้ที่http://freedom.ilaw.or.th/Opas112theseries

ooo



Close your eyes and I will kiss you tomorrow I will miss you .
สุภาพสตรีคนหนึ่ง ฮัมเนื้อเพลงท่อนนี้ขึ้น เมื่อผมเอ่ยปากว่าชอบเพลงนี้ที่สุดของ The Beatles วงดนตรีสากลชื่อดังจากยุค 60s …

ต้นพฤศจิกายน 2557 ที่ศาลทหารกรุงเทพฯ ผมพบโอภาสและภรรยาเป็นครั้งแรก โอภาสชายวัย 67 รูปลักษณ์ภายนอก ผมขาวสีดอกเลา กับท่าทางดูใจดี พร้อมมิตรไมตรีจากรอยยิ้ม เมื่อเข้าไปกล่าวทักทายและเอ่ยปากชวนคุย เราทั้งสามคนก็เข้าไปท่องอยู่ในบทสนทนาหลากหลายเรื่องราว ภาษา วรรณกรรม ลงเอยด้วยดนตรี สิ่งที่เราต่างก็สนใจเหมือนๆ กัน

แม้ลุงโอภาสจะเรียนจบแค่อาชีวะศึกษา แต่ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่เขาหลงใหล ทั้งลุงโอภาสและภรรยาสนใจอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ฟังเพลงสากล ดูทีวีและข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ที่ต่างเพิ่มพูนทักษะด้านภาษาให้กับเขา

ทักษะด้านภาษา ยังช่วยให้ลุงโอภาสได้ทำงานแผนกต่างประเทศ ของบริษัทชื่อดัง มีโอกาสไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง และำธุรกิจค้าขายหนังสือต่างประเทศก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาทำมานานหลายปี

เช่นเดียวกับดนตรี สิ่งที่เขารักมากที่สุด ....
ยี่สิบกว่าปีก่อน โรงแรมนารายณ์ ถนนสีลม คือหนึ่งในสถานที่ที่ลุงโอภาสเคยเล่นดนตรีสากลในตำแหน่งลีดกีต้าร์ ร่วมสมัยเดียวกับนักดนตรีแนวหน้าของเมืองไทยในขณะนั้น เช่น แหลม เมอริสัน, ช.อ้น ณ บางช้าง, ชรัส เฟื่องอารมณ์, สุรสีห์ อิทธิกุล ฯลฯ อีกทั้งในวัยหนุ่มเขายังเคยเป็นอาจารย์สอนดนตรีอีกด้วย

นอกจาก The Beatles ที่เป็นต้นแบบแรงบันดาลใจเวลาลุงโอภาสเล่าถึงเส้นทางสายดนตรี The Rolling Stones วงร็อกอังกฤษจากยุค 60s ก็เป็นอีกวงที่ชายวัยเลยเกษียณชื่นชอบ ลุงโอภาสเล่าให้ฟังว่า แท้จริงความหมายของชื่อวงนี้คือ มนุษย์ที่ครุ่นคิด จับเจ่ากับเรื่องเดิมๆ จนอับเฉาเกินไป

ผมเริ่มฉุกคิดว่า ชีวิตของลุงโอกาสก็เป็นเหมือนกับชื่อวงร็อกนี้หรือเปล่า ?
เสพข่าวสารการเมือง-ฟังวิทยุชุมชน-ดูข่าวทีวี-เกิดความเครียด-ต้องหาที่ระบาย-อึดอัดในสภาวะที่แสดงออกไม่ได้ จนลงเอยด้วยการเขียนลงบนผนังห้องน้ำ

15 ตุลาคม 2557 ทหารในเครื่องแบบ 4 นาย ควบคุมตัวชายแก่อายุ 67 ปีคนหนึ่ง จากห้างสรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ไปสอบสวน และแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ตามข้อกล่าวหาที่ว่า ใช้ปากกาเคมีเขียนข้อความที่มีลักษณะหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ บนฝาผนังห้องน้ำของห้างสรรพสินค้า…

เบื้องต้น เจ้าตัวรับว่าเขียนข้อความตามข้อกล่าวหาจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาหมิ่นกษัตริย์ฯ เพียงแต่ต้องการวิจารณ์คณะรัฐประหาร

ลุงโอภาส ถูกคุมขังอยู่ที่ห้องขังกองปราบปรามเป็นเวลา 5 วัน ภายใต้บรรยากาศทางการเมืองที่เข้มงวด ท่ามกลางความไม่รู้ไม่เข้าใจกระบวนการกฎหมายและอนาคตที่ต้องขึ้นอยู่กับอำนาจศาลทหาร ประกอบกับความเครียดทั้งเรื่องการงานการเงินและครอบครัว มีภรรยาสุดรักเพียงคนเดียวที่ยังคอยเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ เดินทางมาเยี่ยม ซื้อข้าวซื้อน้ำ และของใช้จำเป็นอื่นๆ มาส่งให้ทุกวัน

20 ตุลาคม 2557 ภรรยาของลุงโอภาสหอบโฉนดที่ดินมูลค่าประเมิน 2.5 ล้านบาท เพื่อยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งถือว่าเป็นคดีมาตรา 112 ที่ยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ที่สูงที่สุดของปี แต่ศาลไม่อนุญาต โดยให้เหตุผลว่า...

"หากปล่อยตัวผู้ต้องหาอาจไปกระทำการใดๆ หรือก่อเหตุประการอื่น หรือผู้ต้องหาอาจหลบหนี ให้ยกคำร้อง"

หลังจากวันนั้น ภรรยาของลุงโอภาส ยังวนเวียนเดินทางจากบ้านไปศาลทหารเพื่อยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกอย่างน้อย 4 ครั้ง นอกจากหลักทรัพย์ที่สูงแล้ว ยังมีใบรับรองแพทย์ประกอบว่าโอภาสมีปัญหาสุขภาพ เป็นโรคเส้นเลือดในจอรับภาพบวมซึ่งอาจแตกและทำให้ตาบอดได้ ยปกติผู้ต้องหาต้องพบแพทย์ทุก 2-3 เดือน หากมีอาการเครียดมากและไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วด้วยการยิงเลเซอร์ หากไม่ทันตาอาจบอดได้

ซึ่งศาลมีคำสั่งว่า ...แม้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำผู้ต้องหาก็มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดอาการอยู่แล้ว ข้ออ้างนี้จึงฟังไม่ขึ้น…

หลังม่านลูกกรงที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ…
สิ่งที่พอจะเยียวยาและยื้อให้ลุงโอภาสยังมีกำลังใจ ตอนนี้ได้ คงเป็นการสอนภาษาอังกฤษที่เขารักให้กับเพื่อนนักโทษ และสอนภาษาไทยให้กับนักโทษชาวต่างชาติในเรือนจำ อีกทั้งกำลังใจจากภรรยาผู้เป็นดวงใจของชีวิต ที่แวะเวียนไปส่งกำลังใจให้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

ปัจจุบันอัยการยื่นฟ้องคดีของลุงโอภาสตั้งแต่ช่วงต้นมกราคม 2558 แล้ว คดียังอยู่ในระหว่างรอศาลทหารกำหนดวันสอบคำให้การ ลุงโอภาสตั้งใจจะรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ให้ศาลรีบตัดสินและยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อหวังกลับไปใช้ชีวิตปกติให้เร็วที่สุด

จากเนื้อเพลง All my loving ท่อนต่อจากบรรทัดแรกของบทบันทึกนี้ที่ว่า
Remember I will always be true.
And then while I'm away,
I will write home every day,
And I will send all my loving to you.

อาจจะเป็นสิ่งที่ภรรยาของลุงโอภาส สุภาพสตรีที่ผมเจอที่ศาลทหารกรุงเทพฯ เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร่ำบอกแก่สามีตัวเองทุกวัน เมื่อไปเยี่ยมที่เรือนจำ พร้อมรอคอยวันแสนหวานคืนกลับมา จากม่านลูกกรงอันขมขื่น ..