ใช้ปัญญาคิดอย่างจริงจัง จึงจะชนะ
แนวร่วมหลายคนถามถึงการต่อสู้ขณะนี้ควรเป็นเช่นไร โดยเฉพาะอุดมการณ์ และแนวทางการเมืองขององค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยว่า เป็นอย่างไร ขอตอบสั้นๆก่อน
๑ หลังจากรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๑๔ ผมมีความคิดหนึ่ง และพูดมาเสมอว่า ก่อนที่เราจะตั้งอะไร ทำอะไร ต่อสู้กันต่อไป อย่าเพิ่งรีบร้อน จะต้องนั่งคิดอย่างจริงจังว่า ทำไมการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตยเราเพลี่ยงพล้ำ พ่ายแพ้ อย่างซ้ำซาก แน่นอน นอกจากสาเหตุดุลกำลังต่างกัน ระหว่างเรากับฝ่ายเขา ฝ่ายเราจะเป็นรัฐบาล มีพรรคการเมืองที่มีกองทัพเป็นหัวหอก หากยังมาจากความอ่อน ด้อย ความบกพร่อง และความผิดพลาดของฝ่ายเราด้วย ผมเสนอให้ทำ๓ อย่าง
อย่างแรก จะต้องร่วมกันสรุปการต่อสู้อย่างจริงจัง ไม่เฉพาะความล้มเหลวในการต่อต้านรัฐประหารเท่านั้น หากจะต้องย้อน ไปสรุปการต่อสู้ในช่วงเกือบ๙ ปีที่ผ่านมา เพราะ ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล พรรคการเมือง และขบวนการประชาธิปไตย เช่น แนวร่วมขับไล่ ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงต่างๆ ไม่เคยมีการสรุปกันอย่างจริงจังว่า ในการเคลื่อนไหวต่อสู้กัน ส่วนใหญ่ใช้อารมณ์ ความรู้สึก เอาความคิด บทเรียนประสบการณ์อดีตของตน หรือคิดตามแกนนำคนนั้นคนนี้ ไม่วิเคราะห์ อภิปรายถกเถียงและร่วมตัดสินใจ กันอย่างจริงจัง
อย่างที่สอง จะต้องวิเคราะห์สภาพและสถานการณ์โลก สภาพเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองประเทศไทย และสถานการณ์การเมืองและแนวโน้มปัจจุบัน
อย่างที่สาม จะต้องเคลื่อนไหวต่อต้านคณะผู้รักษาความสงบแห่งชาติ(คสช)ตามเงื่อนไขที่เป็นไปได้ หากไม่มีการต่อต้าน คสช. หรือรัฐบาลเผด็จการทหาร จะปกครองประเทศไปอีกนาน
๒ หลักการและเหตุผล และยุทธศาสตร์ของเสรีไทย
การจัดตั้งองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ผ่านการขบคิด ถกเถียง ขอความคิดเห็นจากหลายฝ่าย เห็นร่วมกันว่า ภายใต้สถานการณ์รัฐประหาร และกำลังมีการปกครองระบอบเผด็จการทหาร แม้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยโดยเฉพาะคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่พอใจอย่างยิ่ง อยากต่อต้าน แต่การเคลื่อ นไหวทั้งภายในประเทศและนอกประเทศเป็นไปด้วยความยากลำบาก ขาดผู้นำ เพราะแกนนำทุกระดับถูกเรียกไปรายงานตัว หลายคนถูกจับกุม คุมขัง และหลบหนี กล่าวอย่างเป็นรูปธรรม พรรคเพื่อไทย และนปช. ยังไม่สามารถนำพาประชาชนได้ ควรมีองค์การใดองค์การหนึ่ง เพื่อเป็นหัวหอก จุดประกาย และประสานงานการต่อสู้ทั้งภายในและภายนอกประเทศ
เสรีไทยจึงเกิดขึ้น แม้มิตรร่วมต่อสู้ และนักวิชาการหลายคน หลายกลุ่มไม่เห็นด้วยกับชื่อนี้ แต่เมื่อผ่านการขบคิด เห็นว่า ชื่อ เสรีไทย ยึดโยงกับผู้นำคณะราษฎรบางท่านผู้ทำการปฏิวัติประชาธิปไตย ๒๔๗๕ นำระบอบนี้มาปกครองประเทศไทย แต่ลำพัง ชื่อ “เสรีไทย” อาจถูกโจมตีได้ว่า เสรีไทยใหม่ จะมีกองกำลังด้วย เพราะเสรีไทยเคยเป็นขบวนการต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีกองกำลังอาวุธต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่น และที่สำคัญ หลังรัฐประหาร คสช.ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางรุนแรง ละเมิดสิทธิในชีวิต ชื่อเสียง สิทธิในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เสรีภาพแสดงความคิดเห็น เสรีภาพการชุมนุม เสรีภาพของสื่อมวลชน ฯลฯ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว เสรีไทยใหม่จะต้องเป็นองค์การเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งโดยหลักการสิทธิมนุษยชน จะไม่ใช้ความรุนแรง นอกจากนี้ เสรีไทยตั้งขึ้นมาเพื่อต่อสู้ให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยที่ถูกคณะรัฐประหาร ๒๒ พ.ค. ล้มเลิกไป เสรีไทยจจะต้องมีภาระหน้าที่ประการหลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงนำมาเป็นชื่อต่อท้าย เป็น “ องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย “ ซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่า
ส่วนลักษณะขององค์การ ขอย้ำว่า องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย เป็นองค์การแนวร่วม องค์การประสานงานการต่อสู้ของกลุ่มต่างๆทั้งในและต่างประเทศ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นองค์การกลาง ไม่ครอบ ไม่บงการผู้ใด
๓ ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทย
เบื้องหน้าสถานการณ์โลกและภายในประเทศ ที่สิทธิมนุษยชนเป็นกระเสใหญ่ของโลกกระเสหนึ่ง และประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองที่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกดำเนินอยู่ ยิ่งหลังรัฐประหาร ประชาคมโลกแสดงท่าทีไม่ยอมรับรัฐประหารกันอย่างกว้างขวาง องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย จึงนำสถานการณ์ดังกล่าวมากำหนดเป็นยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศ ตามยุทธศาสตร์นี้ เสรีไทยใหม่ จะพยายามกระตุ้นและผลักดันรัฐบาล พรรคการเมือง องค์การสิทธิมนุษยชน องค์การประชาธิปไตยในประเทศต่างๆโดยเฉพาะประเทศประชาธิปไตย ให้สนใจ ติดตามสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แสดงท่าทีใช้มาตรการกดดันคสช. และรัฐบาลเผด็จการทหารหยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชน คืนประชาธิปไตยโดยเร็ว
ควรต้องชี้ว่า ในอดีตและปัจจุบัน ประเทศไทยไม่เคยมีบทบาทในเวทีสากล ผู้ คนประเทศต่างๆไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา ส่วนใหญ่ ไม่รู้จักประเทศไทย นอกจากคนไทยชอบยิ้ม อาหารไทยอร่อย ผู้หญิงน่ารัก ยิ่งสถานการณ์รัฐประหารในประเทศไทยเปรียบเทียบไม่ได้กับที่เกิดประเทศอื่นๆ เช่น อีรัค ซีเรีย ยูเครน ฉนวนกาซ่า ฯลฯ รวมทั้งใน๘ ปี ที่ผ่านมา ฝ่ายเรามีคนเดินงานต่างประเทศน้อย ดังนั้น การดำเนินยุทธศาสตร์นี้จึงไม่ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเงื่อนไขที่ดีหลายประการ เช่น คนไทยผู้รักประชาธิปไตย และคนเสื้อแดงอยู่ในประเทศต่างๆทั่วโลก แต่ละคนแต่ละกลุ่มย่อมมีบทบาทในยุทธศาสตร์ โดยการให้ข้อมูลข่าวสาร ไปยื่นจดหมาย ขอเข้าพบรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภาที่เกี่ยวข้อง ผลักดัน กระทั่งไปชูป้ายเรียกร้องต่อผู้นำประเทศ เข้าพบ องค์การสิทธิมนุษยชน องค์การประชาธิบไตย ส่งข่าวแก่หนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ เรียกร้องบริษัทที่กิจการในประเทศไทยลดการลงทุน และจัดสัมมนาและอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งจะมีผลมากกว่า ไปประท้วงหน้าสถานทูตและกงศุลไทย เหล่านี้เป็นต้น
ข้อที่ควรคำนึง การเคลื่อนไหวในต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป และอเมริกา แม้เขาถือว่า การชุมนุม เดินขบวนเป็นเสรีภาพ แต่เป็นไปตามกฎหมาย และอย่าลืมว่า ประชาคมโลกไม่สนับสนุนการต่อสู้ที่ใช้ความรุนแรง หรือด้วยอาวุธ
บุคคล กลุ่ม และองค์การที่เป็นแนวร่วมกับเสรีไทย ย่อมมีเสรีภาพที่จะเคลื่อนไหวตามอุดมการณ์ ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีของตน ประสาน และผนึกกำลังต่อต้าน คสช.และรัฐบาลเผด็จการทหาร องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยจัก สนับสนุนและร่วมการต่อสู้ของท่าน
สุดท้าย ผมขอให้กำลังใจนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทุกท่าน การต่อสู้กับระบอบเผด็จการของคสช.ครั้งนี้ ยากลำบากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ต้องใช้ปัญญาให้มาก อย่าใจร้อน จะทำอะไรต้องประเมินผลได้ผลเสีย อย่าหวังผลระยะสั้น แต่เสียหายยาวไกล เหมือนที่ผ่านมา
ผมจะไม่จบข้อเขียนสั้นๆ นี้ด้วยคำขวัญใดๆ เช่น ยืนหยัดต่อสู้ต่อไป คือชัยชนะ เผด็จการจงพินาศ และสุดท้าย ประชาชนย่อมได้ชัยชนะอย่างแน่นอน เพราะ เปล่งมานับครั้งไม่ถ้วน
ขอใช้ปัญญากันเถอะสหาย
จรัล ดิษฐาอภิชัย