ไฮไล้ท์จากการประชุมกรรมาธิการวิสามัญถ่ายโอนธุรกิจกองทัพ เมื่อวานนี้เหล่าท้อปแบรสตัวแทนกองทัพอากาศที่ไปตอบข้อซักถาม สร้างความรู้สึกน่าห่วงต่อผู้ได้ฟังทั้งในและนอกห้องประชุมอย่างหนึ่งก็คือ ความแปลกแยก
ดูเหมือนกองทัพอากาศจะถือตัวเป็นส่วนสัดอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ ทั้งประเทศ แม้แต่ รัฐบาลและสภาผู้แทนฯ จากข้อความที่โคว้ตกันมาท่อนหนึ่ง ตัวแทน ทอ.บอกว่า “ไม่มีใครการันตีผมได้ว่าท่านจะไม่ตัดเงินผม ถูกมั้ยครับ
ถ้าท่านยังเป็นรัฐบาลอยู่เป็น กมธ.อยู่ก็ไม่ตัด แต่อีก ๒๐ ปีข้างหน้าเป็นใครก็ไม่รู้ครับ” เขาหมายถึงรายได้ที่ ทอ.ได้มาจากการเปิดสนามกอล์ฟ ให้เช่าที่จัดอีเว้นท์ และพาณิชย์กลาโหมอื่นๆ ถือเป็นสินทรัพย์พึงมีพึงได้ ของข้าใครอย่าแตะ
“อย่างงี้อย่างน้อยผมมั่นใจว่าผมพึ่งพาตนเองในการดูแลคนของผม...ผมไม่อยากเอาไปยืมจมูกคนอื่นหายใจครับ เท่านั้นเองที่ผมว่ามันมีความสำคัญ ถ้าท่านให้ผมเป็นกองทุนเอาไปพันล้านไปฝากไว้ เอาดอกเบี้ยมาดูแลสวัสดิการ อย่างนี้น่าจะคุยกันได้ครับ”
ก็เลยมีผู้เข้าไปฟังรายหนึ่งอ้างว่า “ผมไม่ได้เป็น กมธ.นะครับ ผมชื่อสุทิน สุวรรณประทีป เป็นญาติกับท่านสุณี สุวรรณประทีป (พระยาเฉลิมอากาศ) ผมในฐานะ ปชช.ในพื้นที่...ขออนุญาตครับ ถามได้มั้ยครับ” เนื่องจากเกิดความรู้สึกว่า
“กองทัพอากาศเนี่ย บริหารเหมือนวัด” เขาสาธยายต่อไปว่า วัดไทยนั้นแข่งกันหารายได้เยอะ เอาไปพัฒนาวัด จึงเกิดความเหลื่อมล้ำ วัดที่หาเงินเก่งก้จะโด่งดัง วัดอื่นสู้ไม่ได้ก็หงอยไป ทีนี้ “กองทัพอากาศที่ดอนเมืองพยายามหารายได้
“อ้างว่าใช้เพื่อสวัสดิการในบุคลากรของ ทอ.” แล้วที่อื่นล่ะ จะเอาที่ไหนมาใช้เป็นสวัสดิการบ้าง “มันจะกลายเป็นไม่เสมอภาค...หน่วยงานทหาร ไม่ว่า ทอ. ทร. ทบ. กลายเป็นว่าต่างคน ต่างหน่วย หารายได้” ที่อื่นถ้าหาไม่ได้ “จนต่อไปเหรอ”
ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เลยทบทวนพันธกรณีให้พวกแม่ทัพนายกองฟัง “กองทัพเป็นแขนงหนึ่งขององค์กรที่ชื่อว่าราชการ มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารสูงสุด...จะมาแยกตัวออกจากโครงสร้างนี้ไม่ได้
จะมาคิดว่ารัฐบาลเป็นคนอื่นไม่ได้ แต่มีพวกที่ปลูกฝังความคิดเพี้ยนๆ นี่อยู่เยอะเหมือนกัน”
(https://x.com/R_artisty/status/1812411585706770463 และ https://youtu.be/9tITdYt1GBA)