สามรัฐมนตรีคลังเรียงหน้าแถลงโครงการดิจิตอลวอลเล็ต มุ่งหมายจะให้เป็นการเริ่มโครงการอย่างจริงๆ หลังจากที่ติดกึกติดกักมานานเกิน แต่แล้วก็ยังไม่สมบูรณ์อยู่ดี ยังขาดความชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาของเงิน และผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
จะให้เข้าใจง่ายต้องฟังปฏิกิริยาของ ศิริกัญญา ตันสกุล กูรูเศรษฐกิจการเงินการคลังของพรรคก้าวไกล เพราะเธอเกาะติดเรื่องนี้ อย่างลงลึกรายอะเอียดยิ่งกว่าใครๆ มากกว่านายกฯ เศรษฐา ทวีสิน รวมทั้ง วิษณุ เครืองาม ที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่มีใครมาปรึกษา
“เรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน คือเรื่องของการลงทะเบียน” คุณไหมว่า “ประชาชนทั่วไปที่มีสม้าร์ทโฟนเริ่ม ๑ สิงหา ถึง ๑๕ กันยา ที่ไม่มีสม้าร์ทโฟนเริ่ม ๑๖ กันยา ส่วนร้านค้าเลื่อนออกไปอีกถึง ๑ ตุลาคม นอกจากนี้ไม่มีความชัดเจนอะไรเลย”
ในเมื่อนักข่าวจ่อไมค์ถามกันตรึม ยังกะเป็นที่ปรึกษาโครงการเสียเอง “เรื่องแรกอยากจะพูดถึงผลกระทบเศรษฐกิจ ว่าหลังจากเกิดพายุหมุนแล้วเศรษฐกิจจะโตแค่ไหน เผ่าภูมิ (โรจนสกุล) รมช.บอกว่าไม่สามารถประมาณการได้
มันเป็นโครงการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกนี้ ดังนั้นไม่สามารถประเมินออกมาเป็นตัวเลขได้” แต่ศิริกัญญารู้ว่า “หลังเข้าไปสังเกตุการณ์ในห้องกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารายจ่ายเพิ่มเติม หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งกระทรวงการคลัง ได้ส่งผลที่จะเกิดขึ้นกับดิจิตอลวอลเล็ตเข้ามาแล้ว”
สิ่งที่ศิริกัญญารู้ แต่ไม่เห็นใครอื่นพูดถึงว่า “กระทรวงการคลังมีการปรับเป้าหมาย จากเดิมที่ว่า ๑.๒ – ๑.๘ % ของจีดีพี เหลือ ๐.๙% ของจีดีพี ส่วนสภาพัฒน์ฯ บอกว่าจะทำให้จีดีพีของปี ๖๗ โตประมาณ ๐.๓% ๖๘ โตอีก ๐.๓%
ส่วนแบ๊งค์ชาติบอกว่า ปี ๖๗ โต ๐.๓% ปี ๖๘ จะโต ๐.๒% รวมทั้งโครงการโตประมาณ ๐.๙%” เป็นอันว่าทั้งสามสำนักประเมินออกมาตรงกัน ว่าอย่างไรเสียก็กระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่ถึง ๑% ของจีดีพีแน่นอน โดยคลังเองยังเหลียวหน้าแลหลัง
แต่เดิม แหล่งที่มาของเงินจะเป็น ‘เงินใหม่’ ก็คือกู้มาสดๆ แต่ทำไม่ได้ ต้องหันกลับไปใช้เงินในงบประมาณ ซึ่งศิริกัญญาว่า “จะทำให้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ได้มีมากเท่าที่ควร” และกรณีนี้นี่เองที่รัฐบาลบอกว่าทำได้ด้วยการใช้ชั้นเชิงบริหารจัดการเงิน
พวกนักข่าวก็ยังมองไม่เห็น ถามว่ามันเป็นอะไรกันแน่ ไอ้บริหารจัดการเงินเนี่ย “ทั้งงบฯ ของ ๖๗ และของ ๖๘ ด้วย ๖๘ นี่ก้อนใหญ่หน่อย ถึง ๑ แสน ๓ หมื่น ๒ พัน ๓ ร้อยล้านบาท” ศิริกัญญาว่ารัฐมนตรี จุลพันธ์ (อมรวิวัฒน์) ไม่ชัดเจนเช่นกัน
“ตอบว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการออกงบประมาณเพิ่มเติมอีก เหมือนกับตอนปี ๖๗ อาจจะเป็นการใช้งบกลาง งบเหลือจ่าย นี่ไม่ได้ให้ความชัดเจนอะไรเลย” แถมสิ่งที่บอกว่าจะทำ ผิดกฎหมายทั้งนั้น เช่น อ้างว่าเป็น รายจ่ายเพื่อการลงทุน
ศิริกัญญาว่าไม่ใช่ ‘รายจ่ายลงทุน’ ต้องเป็นของภาครัฐเท่านั้น ไม่นับการใช้จ่ายของประชาชน ส่วนงบกลางปีที่ดึงเอามาใช้ จะเอาไปใช้ข้ามปีไม่ได้ พรบ.วินัยการเงินฯ ม.๒๑ บอกไว้จะแจ้ง ต้องใช้จ่ายในปีงบประมาณเท่านั้น คือสิ้นสุด ๓๐ กันยา
แล้วยังที่บอกว่าเมื่อเปิดลงทะเบียน ๑ สิงหา ถือเป็นการ ‘ก่อหนี้ผูกพัน’ รัฐบาลสามารถใช้เงินข้ามปีได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ศิริกัญญาว่า ‘โนเวย์’ หนี้ผูกพันต้องทำสัญญาสองฝ่าย การลงทะเบียนเฉยๆ ไม่ได้ก่อหนี้ ไม่เป็นสัญญาต่างตอบแทน
งานนี้ก็เลยไม่เห็น เศรษฐา ทวีสิน ‘มา’ แถลงเองตามกำหนดการ บางคนตีความว่านายกฯ ไม่อยากเอาคอมาขึ้นเขียงกับการทำเรื่องผิดกฎหมายตบตาประชาชน นัยว่าแกเจอมามากแล้ว จะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือเปล่าไม่รู้ได้
(https://x.com/trendforMFP/status/1816009419806892394, https://www.thairath.co.th/news/politic/2802659 และ https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/kW9bDa35o7g)