สองเรื่องอื้ออึงที่ถูกประชาชนวิพากษ์อย่างมากขณะนี้ ดูจะมีร่มฉัตรคุ้มครองอยู่อย่างลับๆ จึงทำให้คนใหญ่โตและโด่งดังออกมาแก้ต่างปกป้อง ให้คนที่ควรจะต้องรับผิดชอบทำเฉย และปัดสวะพ้นตัวกันไป อย่างไม่อินังขังขอบ
ผู้นำเข้าสายพันธุ์ ‘ปลาหมอคางดำ’ ยังคงลอยตัว อ้างว่าการแพร่พันธุ์ปลาที่เรียกว่า ‘เอเลี่ยน’ หรือสิ่งแปลกปลอมมาจากต่างดาวนี้ เกิดจากการลักลอบนำเข้า ทั้งที่ธรรมชาติของปลาชนิดนี้ประดุจดังผีกระสือ ผีกระหัง กินเรียบทุกอย่าง
หลักฐานเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าปลาที่รูปร่างเหมือนปลานิล (Tilapia) มากกว่าปลาหมอ มีลายสีดำใต้คางนี้ แพร่พันธุ์รวดเร็วมาก ส่วนหนึ่งเนื่องจากไล่กินปลาอื่นที่เล็กกว่า รวมทั้งลูกกุ้ง ปู และหอย จนเกลี้ยง สร้างความเดือดร้อนชาวบ้านพื้นที่ประมงน้ำกร่อย
ตั้งแต่บางขุนเทียนถึงสมุทรสาคร มีการทดลองปล่อยปลากะพงลงไปปะปนตามที่ทางการแนะนำ ด้วยความเชื่อว่าปลากะพงจะไล่กินปลาคางดำให้ลดจำนวนได้ การณ์กลับจะเป็นไปในทางตรงข้าม เพราะปลากะพงที่ตัวเล็กกว่าจะถูกกินแทน
ปลากะพงปรับตัวให้เข้ากับสภาพน้ำที่เริ่มเสียได้ ไม่เท่าปลาคางดำซึ่งทนได้กับทุกสภาพแวดล้อม “ท้ายที่สุดปลาหมอคางดำจะกินปลากะพงที่โตไม่ทัน และอยู่ในสภาพที่อ่อนแอ” ไต๋เรือรายหนึ่งบอกกับ เดอะ สแตนดาร์ด
ท่ามกลางความอัดอั้นของชาวบ้านนี้ เป็นที่ทราบกันว่า ปลาคางดำถูกนำเข้าโดยซีพีในช่วงเวลาไร่เรี่ยกับการนำเข้าปลานิล ตามพระราชดำรัส ร.๙ แรกเรียกสายพันธุ์นี้ว่า ปลานิลกาน่า และ จิตรลดา ๓ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นปลาหมอ ทั้งที่รูปร่างไม่ใกล้เคียงกันเลย
อีกเรื่องเป็นชุดนักกีฬาไทยไปโอลิมปิคกรุงปารีส มีแต่คนวิจารณ์ว่าเหมือนชุดพนักงานบริการในโรงแรม แถมมีลายผ้าขลิบคอปกและรังดุมหน้าอก ลายบนผ้าขลิบเป็นแบบเดียวกับลาย ‘สิริวรรณวลี’ (รูปอักษร S) ไม่มีผิดเพี้ยน
ทำให้เชื่อกันว่าการออกแบบชุดนี้มุ่งแต่เชิดชูเกียรติพระเจ้าลูกเธอสถานเดียว ร้อนถึงพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา คณะกรรมการโฮลิมปิคประเทศไทย ชี้แจงว่าคณะกรรมการมอบหมาย ‘ทรงสมัย’ เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บ
“ในโซเชียลได้กล่าวถึงพระองค์ท่าน พระองค์ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออกแบบอะไรทั้งสิ้น ไม่มีอะไรทั้งสิ้นที่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิกเกมส์ด้วย และพระองค์ท่านไม่ได้เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์อย่างที่ทางโซเชียลได้กล่าวไว้” พล.อ.วิชญ์กล่าว
อีกคน รองประธานกรรมการโอลิมปิค เจริญ วรรธนะสิน รายนี้พูดออกปากอ่าวไปเลย กล่าวชื่นชมบริษัทแกรนด์สปอร์ตที่ตนเคยร่วมงานด้วย แล้วก็พูดเพลินปากพล่ามไปติฉินเครื่องแต่งกายของประเทศมองโกเลีย เกาหลีใต้ และเฮติ
“ที่มีการชมนักชมหนา เหมือนงิ้วกับลิเก พร้อมย้อนถามว่า จะนำชุดลิเกเข้าไปในกรุงปารีสหรือ” พูดไปแล้วนึกได้ทีหลัง พยายามวกกลับไปแก้ตัวว่า “แต่ละชาติมีวัฒนธรรมของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา” มันก็สายเสียแล้ว
เมื่อคำพูดเหลวไหลของตนกลายเป็นไวรัล ยั้งไม่อยู่ กูไม่กลับแล้ว
(https://x.com/wpnews23/status/1814221173938602180 และ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/BnJ1hRKAz8wW5)