วันเสาร์, เมษายน 06, 2567

ศึกแฉกันของสอง ‘บิ๊ก’ ในตำรวจ ยังไม่สุด ต่างแลกหมัด แม้นว่าฝ่ายรอง ผบ.ตร.จะยังแค่แย้ป

ยุทธการแฉกันใน สตช. ใครกินส่วยมากกว่าใคร ระหว่าง ผบ.ตร.กับรอง ผบ.ตร. ยกระดับความเข้มข้นขึ้นไปอีกขั้น เมื่อศาลอาญาออกหมายจับ บิ๊กโจ๊กฐานโดนข้อหาเป็นสุดทางเงินฟอกของกลุ่มพนันออนไลน์ ขณะที่ บิ๊กต่อก็โดนฟ้องมีเงินบัญชีม้าวิ่งเข้าพก

ทนายตั้มษิทรา เบี้ยบังเกิด (สังกัดทีมทนายประชาชนฯ) เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และภรรยา ไว้ที่ สน.เตาปูน พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานเส้นทางการเงินไปถึง ผบ.ตร. และบัญชีจ่ายเงินตำรวจไซเบอร์เดือนละล้าน

กับ น.ส.พิมพ์วิไล ตัวกลางรับเงินจากเว็บพนัน BNK Master แล้วส่งเข้าบัญชีม้าสองแห่งของนายคชาชาญและนายณัฐพงศ์ โดยเฉพาะรายแรก “เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และภรรยา” เธอให้การว่า “ยืนยันข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลจริง”

เชื่อว่า “บันทึกรายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารจะตอบทั้งหมด” เธอเองเพียงรับจ้างทำบัญชี ค่าตอบแทนเดือนละ ๒ หมื่นบาท “แต่ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเว็บพนันผิดกฎหมาย” ด้านทนายตั้มเปิดตัวพยานที่เป็นสายลับของตน

สายลับคนนี้เป็นหนึ่งในทีมเก็บเงินในหน่วยคอมมานโด หรือกองบังคับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นัยว่าเป็นฝักฝ่ายตำรวจ สายวัง เช่นเดียวกับกองปราบฯ และ ผบ.ตร.) และยังเป็นทีม ทีมแม่บ้านของตำรวจ“รู้ว่าจ่ายส่วยให้กับผู้ใดบ้าง”

ทางด้านกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ ผบ.ตร.ตั้งไว้ ก่อนถูกนายกฯ เศรษฐา สั่งย้ายมาเก็บตัวไว้ที่สำนักนายกฯ เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แถลงผลการตรวจสอบครั้งแรก “เชื่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีส่วนร่วมกระทำผิดจริง”

นอกจากนั้นยังมีการที่ลุกแถวในแต่ละฝ่ายร้องกันไปร้องกันมาอีกสองสามรายการ รวมความว่าขณะนี้อยู่ในโหมดผลัดกันแลกหมัด แม้นว่าฝ่ายรอง ผบ.ตร.จะปล่อยหมัดแย้ปเป็นส่วนใหญ่ แต่ฝ่าย ผบ.ตร.โยนทั้งลูกอัปเปอร์คัทและฮุก

ทว่าสิ่งหนึ่งที่อาจเป็นผลสะท้อน (หรือกระทบ) จากศึกสีกากีนี้ เห็นจะเป็นราชกิจจานุเบกษา ที่เพิ่งประกาศเมื่อ ๕ เมษา ๖๗ “กฏ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ” ที่ระบุถึงการจัดลำดับอาวุโสสำหรับ ผบ.ตร. รองฯ และ จเรตำรวจ

ให้เป็นไปตามกฏข้อ ๙ ในการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น “ให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับนั้นใน สตช.นานกว่า เป็นผู้มีระดับอาวุโสสูงกว่า” ถ้าดำรงตำแหน่งมานานเท่ากันให้ไปดูที่ตำแหน่งถัดลงไป ใครนานกว่าใครให้ถืออาวุโสสูงกว่า

แต่ถ้าดูย้อนลงไปแล้วยังอยู่ในตำแหน่งนานเท่ากันอีก ให้ “ผู้มีอายุมากกว่า เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า” ฉะนี้กรณี ข้ามห้วย ก็จะต้องเคลียร์กับระเบียบนี้ด้วย แต่ท้ายที่สุดก็อยู่ที่มติ ก.ตร.หรือคณะกรรมการตำรวจตอนนั้นว่าเคร่งระเบียบขนาดไหน

(https://medias.thansettakij.com/media/pdf/2024/nWOKBw0gmHVrFxegLBGq.pdf และ https://www.thairath.co.th/news/crime/2776426)