เมื่อ ๕ ธันวาปีที่แล้ว ‘สายน้ำ’ นภสินธุ์ และเพื่อนรวม ๓ คน เดินข้ามจากสนามหลวงไปยังฝั่งศาลฎีกา สวนทางกับกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ของ อานนท์ฯ แล้วโดนอานนท์ต่อยรัวใส่สายน้ำ จนได้รับบาดเจ็บ มีแผลแตกลึกที่ปลายคิ้ว
สายน้ำเป็นนักกิจกรรมที่เคยใส่เสื้อคร้อปท้อป พิมพ์ข้อความด้านหลังเสื้อว่า “พ่อกูชื่อมานะ” กล่าวถึงเหตุการณ์วันที่ ๕ ว่า ตนเพียงเดินเล่นสังเกตุการณ์ ไม่ได้ตั้งใจจะไปทำกิจกรรมอะไร แต่เมื่ออานนท์เห็นเขาก็เข้าทำร้ายเลย
พฤติกรรมเช่นนั้นประดุจดังอันธพาลหัวไม้ เที่ยวไล่ทำร้ายผู้คนที่มีความคิดทางการเมืองต่าง หรือตรงข้ามกับตน เพียงอ้างว่าทำเพื่อปกป้องสถาบันฯ ก็สามารถแสดงนิสัยชั่วร้ายโดยตำรวจไม่แตะต้อง และคนทั่วไปนิ่งเฉย แบบนี้สถาบันฯ คุ้มครองหรือ
มาถึง ๑ มีนา ๖๖ อานนท์นำกลุ่ม ศปปส.ของเขาไปยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แจ้งให้ตำรวจจัดการขอคืนพื้นที่บริเวณหน้าศาลฎีกา ตรงจุดที่อรวรรณ ภู่พงษ์ และทานตะวัน ตัวตุลานนท์ “ปักหลักอดหารประท้วงภายในเต็นท์”
อานนท์บอกว่าตนและพวกจะไปรับเสด็จรัชกาลที่ ๑๐ และราชินีในวันที่ ๖-๗ มีนา “อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันเหมือนวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๕” เป็นคำขู่ บอกผ่านตำรวจเสียด้วยว่าถ้าไม่ย้ายออกไปในสองวันที่ระบุ อาจเกิดเหตุถูกพวกตนทำร้ายได้นะ
“ถ้าเกิดว่าไม่มีการยั่วยุ พอหลายๆ คนเข้าใครจะไปห้ามใคร เขาห้ามไม่ได้ทุกคน” ถ้าพูดตรงๆ ก็คือถึงแม้ทั้งแบมและตะวันจะนอนแบบอย่างนั้น ขวางหูขวางตาพวกปกป้องสถาบันฯ ก็อาจเจ็บตัวกันไป เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนก่อน
แม้น “เขาเห็นด้วยว่าผู้ชุมนุมไม่ได้ทำอะไรรุนแรง แต่การชุมนุมมีการแอบกระทบกระเทียบและล้อเลียนสถาบันกษัตริย์ ยกเลิกมาตรา ๑๑๒” อะไรเงี้ย “อย่าไปล้อเลียนพระมหากษัตริย์” จะกลายเป็นเรื่องบักโกรกไปก็ได้
(ขอบคุณรายงานข่าวจาก ‘ประชาไท’ https://prachatai.com/journal/2023/03/102980)