วันศุกร์, มีนาคม 31, 2566

ประวิตร โรจนพฤกษ์ ขอโต้เห็นต่าง โบว์ ณัฏฐา ประเด็น พ่นกำแพงวัง เรื่อง 112


Pravit Rojanaphruk
19h
เมื่อวานคุณโบว์ Bow Nuttaa Mahattana ให้เกียรติโต้กลับผมประเด็นพ่นข้อความลงบนกำแพงวังว่า ประเด็น 112 (กับการปฎิรูปสถาบันฯ) นั้น แท้จริงแล้วสังคม "ปฎิเสธจะคุย หรือคุยจนพรุนแล้วยังเปลี่ยนอะไรไม่ได้เพราะมัวแต้ไปให้ท้ายพฤติกรรมบ้าๆบอๆกันแน่"
ผมขอตอบที่คุณโบว์ทวีตถึงผมดังนี้นะครับ:
1) สังคมไทยยังไม่สามารถคุยเรื่องนี้อย่างเสรีและเชิงคุณภาพเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันได้ รัฐสภาปฎิเสธที่จะเอาข้อเสนอแก้ไข ม112 เข้าไปถกแม้ประชาชนล่าชื่อลงนามเกินกฎหมายกำหนด ดังเห็นได้ชัดจากกรณีสมัย อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีธรรมศาสตร์นำรายชื่อที่รวบรวมไปยื่นสภาเมื่อปี 2555 แต่ถูกปฎิเสธ ไม่เกิดการถกเถียงในสภา
ปัจจุบัน พรรคก้าวไกลเป็นพรรค (ที่เคยมีสส.) พรรคเดียวที่มีนโยบายผลักดันแก้กฎหมาย เพราะเพื่อไทยไม่ขอผูกมัดตนเองเรื่องนี้ โอกาสที่จะถกหรือแก้ไขจรืงในสภาจึงยังดูห่างไกลความจริง
2) สื่อไทยเซนเซอร์ข่าวเชิงลบและเท่าทันเท่าเจ้าเป็นอาจิณ ยกตัวอย่างผมเพิ่งโพสค์เมื่อวานว่า นสพ บางกอกโพสต์ ฉบับวันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 มิได้รายงานข่าวเรื่องการพ่นข้อความบนกำแพงวัง/วัดพระแก้ว ถ้าคุณอ่านแต่ นสพ.ฉบับนี้ฉบับเดียวเพื่อติดตามข่าวสารบ้านเมือง คุณก็อาจไม่รู้เรื่องกรณีกำแพงวังเลยด้วยซ้ำ และนี่เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเพราะการเซนเซอร์ตนเองของสื่อกระแสหลักส่วนใหญ่นั้นทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายทศวรรษ ส่วนบรรดาสมาคมสื่อสมาคมนักข่าวก็ไร้ซึ่งความกล้าหาญทางจริยธรรมหรือไม่ก็อนุรักษ์นิยมเกืนไป เพราะไม่เคยออกมายอมรับต่อสาธารณะว่า ม112 เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการรายงานข่าวเชิงเท่าทัน การวิเคราะห์และบททรรศนะเชิงวิพากษ์ (critical news, analysis and commentaries) ต่อสถาบันฯ
การพยายามพูดถึงอนาคตของ 112 และสถาบันฯ ฯลฯ ก็ถูกจำกัดโดยกฎหมาย ม112 เอง คนพูดคนจัดเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ผมเคยเรียกร้องให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์จัดเสวนาเรื่องผลกระทบของ ม112 ต่อการปฎิบัติหน้าที่สื่อไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ทุกวันนี้พวกเขายังเงียบอยู่ ดูรายละเอียดตรงนี้>> https://yarmfaojor.net/content/4278
ในขณะเดียวกัน คนกลุ่มหนึ่งในโลกโซเชียลเผยแพร่ข้อมูลที่เท่าทันเจ้า แต่ก็มีกรวมถึงข้อมูลแบบข่าวโคมลอยด้านลบที่หลายอย่างยังยืนมิได้ หรือแม้กระทั่งข้อความลดหรือด้อยค่าความเป็นมนุษย์ของสมาชิกราชวงศ์ ทำให้ฝ่ายรอยัลลิสต์เกลียดโกรธจนไม่สามารถเกิดเวทีพูดคุยอย่างมีสติและอยู่บนพื้นฐานการใช้เหตุผลและไม่เกลียดชังในที่สาธารณะได้
ดังนั้นผมจึงขอเห็นต่างจากคุณโบว์ และยืนยันว่าสังคมไทยยังไม่ได้มีโอกาสพูดเรื่อง 112 และปฎิรูปสถาบันฯ แบบ "คุยจนพรุนแล้วยังเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เพราะมัวแต่ไปให้ท้ายพฤคิกรรมบ้าๆบอๆ..."
ประเด็นสุดท้าย เรื่อง "มัวแต่ไปให้ท้ายพฤติกรรมบ้าๆบอๆ" นั้น ผมกับคุณโบว์อาจมีเส้นแบ่งและคำจำกัดความที่แตกต่างกันว่าอะไรคือพฤติกรรมบ้าๆบอๆ ผมเห็นว่าคนที่พ่นสีเป็นข้อความนั้นมิได้ "มีพฤติกรรมบ้าๆบอๆ" แต่เอาอึดอัดทนไม่ได้กับสังคมที่ปฎิเสธความจริงของความเห็นต่างของคนบางกลุ่ม ปฎิเสธการพูดคุยเชิงคุณภาพในเรื่องที่เขาประท้วงตะหาก แต่ก็แน่นอน การกระทำเช่นนี้ก็อาจทำให้รอยัลลิสต์จำนวนหนึ่งยิ่งโกรธและไม่อยากพูดคุย
จึงเรียนมาให้คุณโบว์ทราบตามนี้ครับ
ประวิตร โรจนพฤกษ์
30 มีนาคม 2566