ว่าที่จริง ข้อเสนอของ ‘ฮุนเซน’ ควรรับได้ ไม่ว่าเรื่องมวย ‘คิกบ๊อกซิ่ง’ หรือวัน ‘สงกรานต์’ ขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ รวมทั้งประเพณีทางวัฒนธรรมอีกหลายอย่าง ว่าไทย กัมพูชา พม่า ลาว เป็นเจ้าของร่วมกัน แม้กระทั่งโขน ละคร
สะเด็ดฮุนเซน นายกฯ เขมร “กล่าวในงานฉลองครบรอบ ๒๕ ปี วันวัฒนธรรมแห่งชาติ ที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญ” ถึงข้อบาดหมางจากการที่กัมพูชาเรียกชื่อการแข่งขันชกมวยแบบใช้อาวุธครบเครื่อง ทั้งเตะ ศอก เข่า ในกีฬาซีเกมส์ว่า ‘กุนขแมร์’
ก่อความไม่พอใจอย่างยิ่งในหมู่แฟนมวยชาวไทย เนื่องจากกีฬามวยแบบเป็นที่รู้จักอยู่แล้วทั่วโลกว่า ‘มวยไทย’ ทว่ากัมพูชาอ้างว่าต้นกำเนิดดั้งเดิมของศิลปป้องกันตัวชนิดนี้มาจากวัฒนธรรมเขมร แต่ทางไทยไม่ยอมรับข้ออ้างนั้น จึงเกิดการประท้วงขึ้น
รายงานข่าวจาก นสพ.ขแมร์ไทมส์ระบุคำพูดของฮุนเซน “เห็นว่าสองประเทศเพื่อนบ้านไม่ควรต้องมาเกลียดชังกัน จากประเด็นของชื่อการแข่งขันกีฬาคิกบ็อกซิ่ง ควรมีความสมานฉันท์กัน” นายกฯ เขมรให้ข้อเสนอแนะด้วยว่า
“ถ้าซีเกมส์จัดที่กัมพูชาให้เรียกว่า ‘กุน ขแมร์’ และถ้าจัดในไทยก็เรียกว่า ‘มวยไทย’ ถ้าจัดที่ลาวเรียก ‘มวยลาว’ และถ้าจัดที่พม่าให้เรียก ‘ลัทเว่ย’” ฮุนเซนเพิ่มประเด็นเลยไปถึง ‘วันสงกรานต์’ ว่าประเพณีเหล่านี้น่าจะเป็นมรดกร่วมกันทั้งไทยและกัมพูชา
เขาเสนอว่า “ในอนาคตทั้งสองประเทศควรเสนอให้ยูเนสโกบรรจุกีฬาคิกบ็อกซิ่งนี้ เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ร่วมกัน เช่นเดียวกันกับวันสงกรานต์ (งานฉลองปีใหม่)” ซึ่งไทย ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ต่างมีประเพณีอย่างเดียวกัน
เนื่องเพราะการศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยและประเทศเพื่อนบ้านในอุษาคเนย์ยุคใหม่ โดย สุจิตต์ วงศ์เทศ และชาญวิทย์ เกษตรศิริ พบว่าทั้งภูมิภาคมีวัฒนธรรมเหมือนกัน และสืบสายมาจากต้นตอเดียวกัน แม้จะมีหลายเส้นทาง
การร่วมกันยื่นจดทะเบียนยูเนสโก เป็นโอกาสที่จะปรับจูนให้สอดคล้องกัน ดีกว่าแก่งแย่งแข่งขันเสียจนขาดเอกภาพด้วยกันทั้งคู่
(https://ch3plus.com/news/international/ch3onlinenews/3373919MVk)