วันอาทิตย์, มกราคม 15, 2566
ทุนจีนถือวีซ่านักท่องเที่ยว "ยึดธุรกิจเยาวราช" กระทบไทย
เจ้าของธุรกิจร้านอาหารย่านเยาวราช เผยชาวจีนถือวีซ่านักท่องเที่ยวทำธุรกิจในไทยส่งผลกระทบนักธุรกิจไทย เหตุต้นทุนต่ำกว่า - ไม่ต้องเสียภาษี หวั่นระยะยาวยาวคนไทยแข่งขันยาก
จากกรณีเจ้าของกิจการร้านอาหารย่านเยาวราช โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ ถึงกรณีนักธุรกิจจีนเข้ามาประกอบกิจการในไทย
ล่าสุด เมื่อวันที่ (13 ม.ค.2566) น.ส.ทอฝัน เจ้าของกิจการธุรกิจอาหารจีนย่านเยาวราช เปิดเผยกับไทยพีบีเอส ออนไลน์ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ กลุ่มชาวจีนรุ่นใหม่ที่มาลงทุนโดยใช้นอมินี หรือมีเพียงวีซ่านักท่องเที่ยว เข้ามาประกอบธุรกิจหลากหลายประเภทในย่านเยาวราช เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าขาย ร้านนวด ไปจนถึงร้านกิ๊ฟช็อป ที่มีการนำเข้าสินค้ามาจากจีนโดยตรง
วีซ่าท่องเที่ยว ไม่ใช่วีซ่าทำงาน ไม่ใช่วีซ่าธุรกิจ การที่จะมาเปิดร้านต่าง ๆ ในไทย มันทำได้ง่าย เพียงแค่มีตัวแทนหรือนอมินีในการทำสัญญา จดทะเบียนพาณิชย์ไม่ต้องจดทะเบียนบริษัทก็ได้ ก็สามารถมีร้านค้าในไทยได้แล้ว
น.ส.ทอฝัน ยังกล่าวว่า นักลงทุนกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่บางส่วนมาเรียนที่ไทยหรือมาท่องเที่ยว และใช้วีซ่านักท่องเที่ยว เพราะต้องการที่จะประกอบธุรกิจเท่านั้น ไม่ได้หวังที่จะมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย เช่นเดียวกับ คนจีนที่เดินทางมาประกอบอาชีพและอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทยเมื่อครั้งอดีตและมีลูกหลานเป็นคนไทยเชื้อสายจีน
เราขายอาหารจีนในโซนเยาวราช เจอนักธุรกิจที่เป็นชาวจีน และชาวต่างชาติเยอะขึ้น และการที่เราเป็นพลเมืองไทย การที่อาศัยในไทย เราต้องเสียภาษีบุคคล เสียภาษีท่องเที่ยว โดยคู่แข่งเราไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายพวกนี้ แต่เขาสามารถหาต้นทุนที่มันถูกกว่าเราได้
ส่วนหนึ่งเข้าใจว่า การมาลงทุนแต่ไม่มาอาศัยเพราะไม่ต้องการที่จะย้ายหรือโอนสัญชาติเป็นคนไทยเพราะสวัสดิการในกรณีที่ยังถือสัญชาติจีนนั้นดีกว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือเม็ดเงินต่าง ๆ จะกระจายสู่ท้องถิ่นน้อยลง และผู้ประกอบการไทยจะประสบปัญหาในระยะยาว
ผลกระทบระยะยาวผู้ประกอบการชาวไทย ไม่สามารถไปแข่งขันกับต่างชาติได้ ประเทศไทยการแข่งขันได้เพียงงานฝีมือ งานเกษตรกรรม แต่การค้าขายที่ต่างประเทศผลิตได้ทำให้โอกาสที่คนไทยจะค้าขายในประเทศจะน้อยลง
ขณะที่ รูปแบบการใช้จ่ายจะใช้จ่ายผ่านระบบของจีนระหว่างคนจีนและคนจีนด้วยกัน รวมถึงการสามารถเปิดบัญชีได้แต่ไม่ทราบว่าปลายทางของเงินก็จะกลับไปอยู่ที่ประเทศต้นทางของเขา แต่ที่เห็นชัดคือไม่ต้องเสียภาษีเหมือนกับนักธุรกิจชาวไทย
ที่มา Thai PBS
13 ม.ค. 66