วันจันทร์, สิงหาคม 10, 2563

ภายใต้ภาวะการณ์สังคมที่หยุดนิ่งล้าหลังอนุรักษ์ ย่อมเป็นเชื้อมูลให้พืชพันธุ์แห่งการต่อสู้เติบใหญ่ “หัวดำออกก่อน หัวด่อนนำหลัง”



ปรีดา ข้าวบ่อ
Yesterday at 7:40 AM ·

“หัวดำออกก่อน หัวด่อนนำหลัง”
ปราชญ์แห่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำโขงกล่าวไว้นานมาแล้ว “หัวดำออกก่อน หัวด่อนนำหลัง” “หัวดำ” ได้แก่ คนที่ผมยังดกดำ “หัวด่อน” ได้แก่ คนที่ผมเริ่มออกสีดอกเลา
ในทางความคิดและการกระทำเพื่อแปลงสร้างสิ่งใหม่ คนหนุ่มสาวผู้เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ กระตือรืนร้นและห้าวหาญ จะก้าวรุดหน้ากว่าคนทุกรุ่นวัย
ในเรื่อง การเมือง ที่ถือเป็นโครงสร้างที่ครอบทุกองคาพยพของสังคม การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น ก็เป็นไปตามครรลองวาทะของปวงปราชญ์ - - “หัวดำออกก่อน หัวด่อนนำหลัง”
ห้วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานก่อนวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 ประเด็นหนึ่งที่ “คณะราษฎร” ประชุมปรึกษากันคือ ถ้าปฏิวัติสำเร็จจะแก้แค้นให้ “คณะ ร.ศ.130” เลยไหม... นี่คือสายธารจิตวิญญาณเลือดนักสู้ คือความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์จากจุดก่อเกิด และจะระโยงระยางจากรุ่นสู่รุ่นไปไม่สิ้นสุด...
“คณะ ร.ศ.130” นักปฏิวัติประเทศไทยคณะแรกทำการล้มเหลว ถูกจับก่อนวันลงมือ ซึ่ง 1 ใน 3 ของคณะนี้เป็นนายทหารสังกัดกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อีก 20 ปีต่อมา “คณะราษฎร” ก่อการสำเร็จ แต่สังคมไทยก็ไม่ได้มีวิวัฒนาการที่ราบรื่น สวยงาม แม้ต่อมาได้เกิดการ “ปฏิวัติประชาธิปไตย” เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 และมีขบวนลุกขึ้นต้านเผด็จการมาตลอด สุดท้ายสังคมไทยก็ย่ำเท้าอยู่กับที่ กระแสความคิดฝ่ายอนุรักษ์ยังครอบงำ
จากความพยายามเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคม”ศรีวิไล” โดยเริ่มต้นจากกลุ่มบุคคลที่เรียกตัวเองว่า “คณะ ร.ศ.130” เมื่อ พ.ศ.2455 ผ่านมาถึงวันนี้เป็นเวลา 108 ปีล่วงไปแล้ว ผลจากเลือดเนื้อชีวิตที่อุทิศพลี ส่วนหนึ่งถูกตัดตอนทำลายล้าง ส่วนหนึ่งเกิดสภาพดังฝ่ายความคิดเก่าปรามาสไว้ คือ เกิดมีพรรคการเมืองสามานย์มากมาย มีผู้ยึดอาชีพนักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์ทุกด้านจำนวนมาก มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ส่วนหนึ่งก็หยัดยืนต้านพายุและเกิดหน่อเนื้อพืชพันธุ์ใหม่ทะลึ่งตัวทรงกายขึ้น
เนื้อนาบุญสังคมไทยได้ให้กำเนิดลูกหลานที่ดีเลิศมาหลายรุ่น หลายยุคสมัย พวกเขารักชาติ รักประชาธิปไตย รักอิสรภาพเสรีภาพ ทุ่มโถมตนผลักดันให้ประเทศเจริญก้าวหน้า
ภายใต้วิกฤติพลโลกติดไวรัสเกือบ 20 ล้านคน สงครามเย็นครั้งใหม่ระหว่างประเทศอภิมหาอำนาจกำลังปะทุเข้มข้น การนำของผู้นำประเทศไร้ภาวะผู้นำ ลิ่วล้อแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ ข้ารัฐการด้อยประสิทธิภาพและฉ้อราษฎร์บังหลวง สังคมเต็มไปด้วยอภิสิทธิ์ชน ความยุติธรรมสองมาตรฐาน คุกมีไว้ขังคนจน ทรัพยากรสาธารณะและช่องทางการทำมาหากินถูกผูกขาด วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมธรรมชาติถูกเร่ขาย
ภายใต้ภาวะการณ์สังคมที่หยุดนิ่งล้าหลังอนุรักษ์ ย่อมเป็นเชื้อมูลให้พืชพันธุ์แห่งการต่อสู้เติบใหญ่ ห้วงเวลาเช่นนี้ปราชญ์แห่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำโขงได้สรุป ได้กล่าวไว้เนิ่นนานมาแล้ว...

(https://www.facebook.com/preedakowbor/posts/3125245854218573)


ooo

Arunwatee Kong Li Chattay
14h ·

ตอนยังไม่ออก
“แกนนำแดงที่ปราศัยดีๆทำไมไม่ออกมาช่วย”
“นักการเมืองไปมุดอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ออกมายืนข้างนักเรียน นักศึกษา ประชาชน”
ครั้นพอออกมา
“แกนนำแม่งจะมาขโมยซีนเด็ก”
“นักการเมืองแม่งจะมาเกาะกระแสเด็ก แม่งออกมาโหน”
“ทำไมไปแทรกแซงพลังบริสุทธิ์ ปล่อยให้เป็นเวทีของเด็กเขาไป”

นี่เป็นปัญหาเดียวกันกับ ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน
อันที่จริงแล้วผู้ที่ขับเคลื่อนการต่อสู้ควรไปคุยกันมาให้ดีว่าต้องการอย่างไร อยากให้เป็นยังไง อย่าทำตัวเป็นคนเอาใจยาก ออกก็ด่าไม่ออกก็ด่า มันเหมือนไม่มีอะไรทำก็หาเรื่องตำหนิกัน

นั่งข้างเวที ยืนบนเวทีมาก็หลายม็อบ พบว่านี่เป็นปัญหาสามัญทุกยุคสมัย อยากให้เขามาแต่อีกใจก็กลัวเขามาขโมยซีนช่วงชิงการนำทำเสียขบวน ดังนั้นต้องชัดจากหัวขบวนค่ะ ว่าจะเอายังไง ชัดแล้วมวลชนคนปากเปราะที่โดยมากพวกประดานี้จะไม่ใช่พวกอยู่หน้างาน จะได้เลิกใช้ปากราน้ำสักที มันไม่สร้างสรรค์

แต่ถ้าจะถามความเห็นส่วนตัว สนับสนุนการร่วมมือกันทุกภาคส่วนค่ะ เพราะเคยพูดหลายครั้งแล้วว่า พลังบริสุทธิ์ไม่มีอยู่จริง มันต้องมีพลังเงิน และอีกหลายๆพลังขับเคลื่อนด้วย เอาแค่เบาๆก็ค่ารถ ค่าเครื่องเสียงนี่ก็ต้องเปิดกล่องขอรับบริจาคแล้ว

ย้อนไปถึงสมัยพฤษภาทมิฬ ปี 2535 นักการเมืองเบอร์ใหญ่อย่างชวน หลีกภัย ยังต้องไปถึงม.รามเพื่อขอจับมือจตุพรสักครั้ง การโหนขบวนการต่อสู้ของนักศึกษามีมานานแล้ว ใครจะไปทุ่มแทงหวยอยู่เจ้าเดียว ฉวยเด็กมันชนะขึ้นมาก็ตกขบวนพอดี ขอให้เข้าใจว่าเขาเป็นนักการเมืองค่ะ เขาไม่ใช่นักบวช ดังนั้นการออกหรือไม่ออกของเขาล้วนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของเขานั่นแหละ ส่วนเราก็มีหน้าที่ประสานผลประโยชน์จากเขาค่ะ เอาให้ขบวนการได้กำไร ผลประโยชน์ต่างตอบแทน ง่ายๆแค่นั้น ในสถานะที่ฝ่ายตรงข้ามถืออำนาจรัฐและเงินจากภาษีของเราในการขับเคลื่อนเพื่อรักษาอำนาจไว้กดขี่ข่มเหงเรา การด่าว่าค่อนแคะนักการเมืองที่แสดงเจตนาว่ายืนอยู่ฝั่งประชาชนนั้นไม่ได้อะไรหรอกค่ะ

และในส่วนของแกนนำเก่าที่ปราศัยดีๆ ก็ขอให้ระลึกถึงคุณูปการของเขาเหล่านั้นบ้าง อย่าเรียกร้องเหยียบหยามกันให้ช้ำใจ เพราะบางคนลี้ภัย บางคนติดคุก บางคนติดคดี บางคนติดหนี้ติดสินจากการต่อสู้อันยาวนาน และบางคนก็ตายไปแล้ว
#ถนอมมิตรไม่ได้เป็นแค่ชื่อซอย

(https://www.facebook.com/ch.arunwatee/posts/3219202314835499)