คราวนี้ชัดแจ้ง เป็นการกระทำของอำนาจเผด็จการ ‘ฟาสซิสต์’ ไทย ไม่เพียงแค่ ‘คุกคาม’ ต่อเยาวชนนักศึกษา ๖ คน ซึ่งกำลังจะร่วมจัดกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยในจังหวัดพิษณุโลก โดยใช้กำลังล็อคตัวนำไปกักขังควบคุม ในสถานที่แห่งหนึ่งคล้ายค่ายทหาร
อีกทั้งปฏิบัติเยี่ยงโจรป่าห้าร้อย “อ้างว่าเป็น ‘เจ้าหน้าที่’ แต่ไม่สวมเครื่องแบบ ไม่แสดงตน ไม่แจ้งสังกัด” แถมขู่นิ่มๆ ว่า “ให้ความร่วมมือดีๆ จะได้ไม่ต้องใช้กำลังกัน” มิหนำซ้ำยึดเอาสิ่งของและโทรศัพท์ติดตัวของพวกเขาไป
ผู้ถูกกลุ่มคนซึ่งอ้างว่า “เราคนพิดโลกด้วยกัน” กว่าสิบลากตัวไปจากลานจอดรถวัดใหญ่เมื่อราวเที่ยงวัน เป็นนักกิจกรรมชาย ๕ คน ส่วนอีกรายเป็นหญิงถูกกลุ่มคนลักษณะเดียวกัน ๖ คนไปนำตัวจากคอนโดที่พักไปส่งไว้ที่ภูมิลำเนาเดิมซึ่งอยู่อีกอำเภอ
สำหรับเหยื่อรายหญิงสาวนี้ ได้รับแจ้งเจตนาในการล็อคตัวว่าไม่ต้องการให้ไปร่วมจัดกิจกรรม เพราะ “พื้นที่จังหวัดพิษณุโลกเป็นพื้นที่ตั้งของกองทัพภาคที่ ๓ หากมีกิจกรรมใดๆ ที่กระทบต่อความมั่นคง อาจจะทำให้เกิดผลเสียตามมา”
เพจ ‘พิษณุโลกคนกล้าไม่ก้มหน้าให้เผด็จการ’ เล่าความโดยผู้ใช้นาม ‘แอ็ดมินเอ’ ว่าถามจะนำตัวไปไหน ได้คำตอบเพียงว่า “ไปที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้วไม่ต้องกลัว” อยู่ในป่าต้นไม้ทึบ “เป็นบ้านพักคล้ายๆ บ้านพักในหน่วยงานราชการเรียงกัน” ทราบภายหลังว่าเป็นค่าย ตชด.
“มีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มคอยควบคุม ไม่มีการให้ข้อมูลใดๆ กับพวกเรา ไม่ว่าเราจะถามอะไรก็ตาม แม้แต่ถามว่าตอนนี้กี่โมงก็ไม่มีใครบอก” พอใกล้ค่ำมีกลุ่มคนอีกชุดมาสอบสวน “เอาเงินจากไหนมาจัดกิจกรรม...มีใครอยู่เบื้องหลัง” คอยสนับสนุนไหม
ต่อจากนั้นมีการ ‘ปรับทัศนคติ’ เช่น “ให้พวกเราสำนึกและภาคภูมิใจในความเป็นคนจังหวัดพิษณุโลก อย่าใช้จังหวัดพิษณุโลกสร้างความแตกแยก...อ้างถึงพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ที่เกี่ยวข้องกับเมืองพิษณุโลก ว่าได้สร้างคุณูปการอะไรให้ประเทศไทย”
มืดค่ำแล้วจึงนำขึ้นรถตู้ไปส่งบ้านทีละคน รายสุดท้ายถึงบ้านเมื่อสามทุ่มกว่า เท่ากับถูกล็อคตัวเอาไปกักกันไว้เกือบสิบชั่วโมง ผู้เขียนโพสต์ระบุว่าจะ “เปิดโปงเรื่องราวทั้งหมดให้สังคมได้รับรู้ ว่าการคุกคามประชาชนยังมีอยู่จริง”
ชั่วร้ายหนักเข้าไปอีกก็เมื่อ “มีผู้ใหญ่ในหน่วยงานภาครัฐยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ประชาชนทุกคนที่อ่านข้อความนี้ จงใช้วิจารณญาณของตัวท่านเองว่าจะเลือกที่จะเชื่อรัฐหรือเชื่อประชาชน” แอ็ดมินเอแจ้งด้วยว่าแม้ทั้งตนและเพื่อนมีความหวาดกลัว
“เราจะรวบรวมหลักฐาน พยานวัตถุ พยานบุคคล และเราจะเข้าให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนต่างๆ รวมทั้งเครือข่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง” และ “จะเข้าร่วมต่อสู้กับพี่น้องคนไทยในเครือข่ายภาคประชาชนอื่นๆ ต่อไป” ทั้งๆ ที่อาจมีลักษณะแห่งความตึงเครียด ชวนให้หวาดระแวง
ดังที่ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ เริ่มก่อหวอดชักนำกลุ่มแนวร่วมของ กปปส.เดิมให้ออกมาชุมนุม เพื่อ “ร่วมกันปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านแกนนำที่ปราศรัยหมิ่นสถาบันชาติ และร่วมกันแสดงความรักต่อสถาบันฯ”
การใช้ถ้อยคำปลุกปั่นของนันทเดชเช่นนั้น ร่วมปกป้องชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ และต่อต้านการปราศรัยหมิ่นสถาบันของชาติ ส่อเจตนาชักชวนให้เกิดเหตุการณ์ ‘ม็อบชนม็อบ’ ถึงจะใช้คำ ‘สันติวิธี’ แต่จากลักษณะที่เป็นมาของนันทเดชเอง เป็นไปได้ว่าอาจ ‘ซ่อนมีด’
เพราะการนัดหมายชุมนุม “มากันเอง ออกตังค์เอง แบบเดิมๆ ที่หน้ารัฐสภาใหม่” ในเวลา ๑๐.๑๐ น.วันนี้ (๑๐ สิงหา) ไม่เฉพาะเจาะจงให้เลขสวยสำหรับรัชสมัย แต่เวลาเดียวกันวันนี้ คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หรือ ครช. เตรียมการอภิปรายกันไว้ก่อนแล้ว
คงจะปฏิเสธยากว่านันทเดชซึ่งเป็น “อดีตแนวร่วม กปปส. และอดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)” ดังหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ให้เครดิต ก็แอบจงใจเผชิญหน้ากับกลุ่มที่รณรงค์แก้รัฐธรรมนูญมานานแล้ว อยู่บ้าง
(https://www.dailynews.co.th/politics/789028, https://www.khaosod.co.th/politics/news_4675368 และ https://www.facebook.com/search/top/SEARCH_BOX)