วันอังคาร, สิงหาคม 11, 2563

กลุ่ม "พิษณุโลกคนกล้าไม่ก้มหน้าให้เผด็จการ" โพสต์เล่า Timeline ของการถูกควบคุมตัว ในวันที่ 9 สิงหาคม 2563 และประกาศขอยุติบทบาทกิจกรรมในนามกลุ่ม แต่จะเข้าร่วมต่อสู้กับพี่น้องคนไทยในเครือข่ายภาคประชาชนอื่นๆต่อไป



พิษณุโลกคนกล้าไม่ก้มหน้าให้เผด็จการ
17h ·

Timeline การถูกควบคุมตัวในวันที่ 9 สิงหาคม 2563
เวลาประมาณ 12:00 น.
ผมแอดมิน A และน้องอีก 1 คน ได้ขับรถจักรยานยนต์มาจอดที่ลานจอดรถวัดใหญ่ เพื่อมาพบกับพี่ๆที่อาสาเข้ามาช่วยงานอีก 3 คน ซึ่งจอดรถกระบะรออยู่ที่ลานจอดรถของวัดแล้ว โดยหลังกระบะรถของพี่เขามีโต๊ะพับ ขนม และป้ายผ้า
ระหว่างที่เราทั้ง 5 คนกำลังคุยกันอยู่ไม่ถึง 10 นาที ได้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งจำนวนมากกว่า 10 คน อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ได้เข้ามาพูดคุย โดยจะขอรับทราบเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมเพื่อช่วยดูแลความเรียบร้อย โดยบอกว่าจะไม่ยุ่งกับการจัดกิจกรรมแต่จะขอทราบว่าจะทำอะไรบ้าง แล้วจะช่วยดูแลความปลอดภัย ในระหว่างนั้น พี่คนหนึ่งได้ถ่ายคลิป เจ้าหน้าที่จึงพาเราไปคุยในศาลา
เมื่อถึงในศาลา เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับและล็อคและค้นตัว ยึดมือถือของทุกคนไป พวกเราทราบว่ากำลังจะถูกรวบแน่ๆ จึงขอติดต่อญาติและเพื่อนก่อน แต่ไม่ได้รับอนุญาต บอกเพียงว่า ให้ความร่วมมือดีๆจะได้ไม่ต้องใช้กำลังกัน พี่ไม่อยากทำอะไรให้มันรุณแรง เราคนพิดโลกด้วยกัน
มีรถกระบะมาจอดหน้าศาลา 5 คัน เป็นรถกระบะ 4 ประตู เราทั้ง 5 คนถูกนำตัวขึ้นรถคนละคัน และเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งได้นำของที่เราเตรียมมา คือขนม และป้ายผ้า ขึ้นรถไปด้วย
ในระหว่างขึ้นรถไป ผมได้สอบถามเจ้าหน้าที่บนรถว่าจะนำตัวไปที่ไหน เจ้าหน้าที่ตอบเพียงว่า ไปที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้วไม่ต้องกลัว
รถพาขับไปทางถนนบรมไตรโลกนาถ ผ่านแยกแม็คโคร ไปทางวัดจุฬามณี แต่เลี้ยวเข้าซอยสันติสุข (ซอยท่าทองรีสอร์ท) และพาเราไปตามทางที่เป็นป่ามีต้นไม้ทึบจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นบ้านพักคล้ายๆบ้านพักในหน่วยงานราชการเรียงกันเป็นหมู่บ้าน ทุกบ้านมีลักษณะเดียวกัน พวกเราถูกควบคุมตัวที่นั่นทั้ง 5 คน อยู่ในห้องเดียวกัน
มีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มคอยควบคุม ไม่มีการให้ข้อมูลใดๆกับพวกเรา ไม่ว่าเราจะถามอะไรก็ตาม แม้แต่ถามว่าตอนนี้กี่โมงก็ไม่มีใครบอก แต่มีอาหารน้ำดื่ม น้ำอัดลม น้ำแข็งให้เรา
เวลาช่วงใกล้ค่ำ มีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาสอบถามการทำกิจกรรม โดยมีประเด็นคำถามคร่าวๆดังนี้
- เอาเงินมาจากไหนมาซื้อของจัดกิจกรรม
- ทำไมต้องไปจัดหน้าวัดหลวงพ่อ
- มีใครอยู่เบื้องหลังหรือคอยซัพพอร์ตมั้ย
และคำถามที่เป็นส่วนตัวอื่นๆ
หลังจากนั้น เป็นช่วงปรับทัศนคติ พี่แกเล่าเรื่องความเป็นมาของชาติไทย ผูกโยงกับความสำคัญของเมืองพิษณุโลก ว่าเป็นเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์มาตั้งแต่สุโขทัย จนมาถึงปัจจุบัน พิษณุโลกก็เป็นที่ตั้งของกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญต่อความมั่นคงของชาติ ขอให้พวกเราสำนึกและภาคภูมิใจในความเป็นคนจังหวัดพิษณุโลก อย่าใช้จังหวัดพิษณุโลกสร้างความแตกแยก เพราะที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ พิษณุโลกเราสำคัญถึงขนาดที่ว่า ถ้าไม่มีพิษณุโลก ป่านนี้ไม่มีประเทศไทยแล้ว พร้อมด้วยการกล่าวอ้างถึงพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ที่เกี่ยวข้องกับเมืองพิษณุโลกว่าได้สร้างคุณูปการอะไรให้ประเทศไทยบ้าง นอกจากนั้นยังอ้างถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในจังหวัดพิษณุโลก และเรื่องเล่าตำนานปรัมปราไร้ตรรกะเหตุผลพิสูจน์ไม่ได้อีกมากมายเกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะใช้จัดกิจกรรม ในระหว่างนี้มีการพูดคุยกันในเชิงโต้แย้งในข้อเท็จจริงบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไร ทุกคนต่างเชื่อในมุมของตัวเอง และเราไม่อินกับมายาคติเหล่านั้น ไม่ว่าจะปั่นแค่ไหนก็ตาม
ช่วงเวลามืดแล้วผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้พาเราขึ้นรถตู้ บอกว่าจะส่งกลับบ้านและที่พัก ในระหว่างบนรถตู้ได้ยินพวกเขาคุยกันว่าได้ไปส่งน้องแกนนำผู้หญิงถึงที่บ้านแล้ว นั่นหมายถึง แอดมิน C
เขามาส่งบ้านผมเป็นคนสุดท้าย ทันทีที่เข้าบ้าน ผมดูเวลาคือเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ
สรุป สิ่งที่พวกผมได้รับการปฏิบัติโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายมีดังนี้
1. ถูกชิงทรัพย์ คือโทรศัพท์มือถือ
2. ใช้กำลังประทุษร้าย คือจับการล็อคเพื่อค้นตัว
3. กักขังหน่วงเหนี่ยว จำกัดอิสรภาพ
ทั้งหมดกระทำโดยบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่สวมเครื่องแบบ ไม่แสดงตน ไม่แจ้งสังกัด
ทางเรามีความจำเป็นต้องหาความจริง และเปิดโปงเรื่องราวทั้งหมดให้สังคมได้รับรู้ ว่าการคุกคามประชาชนยังมีอยู่จริง
ทางเราทุกคนยอมรับว่าเกิดความหวาดกลัว และได้รับการช่วยเหลือจากเครือข่ายนำตัวออกจากพื้นที่เมืองพิษณุโลกแล้ว และจะเข้าร่วมกับเครือข่ายอื่นๆในการดำเนินการอื่นๆต่อไป เพื่อความปลอดภัย
มีผู้ใหญ่ในหน่วยงานภาครัฐยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ประชาชนทุกคนที่อ่านข้อความนี้ จงใช้วิจารณญาณของตัวท่านเองว่าจะเลือกที่จะเชื่อรัฐ หรือเชื่อประชาชน
ต่อจากนี้ เราจะรวบรวมหลักฐาน พยานวัตถุ พยานบุคคล และเราจะเข้าให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนต่างๆ รวมทั้งเครือข่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องที่จะสามารถดำเนินการช่วยเหลือทางกฏหมายต่อไป แต่จะทำด้วยความระมัดระวัง อาจจะต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย เพราะตอนนี้ยอมรับตรงๆว่ามีความระแวงอย่างมาก กระผมขอยุติบทบาทกิจกรรมในนามของกลุ่มพิษณุโลกคนกล้าไม่ก้มหน้าให้เผด็จการแต่เพียงเท่านี้ และจะเข้าร่วมต่อสู้กับพี่น้องคนไทยในเครือข่ายภาคประชาชนอื่นๆต่อไป ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่มาจากจังหวัดพิษณุโลกซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นโลกในระดับเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ไม่ใช่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างที่คนพิษณุโลกส่วนหนึ่งมีมายาคติแบบนี้ฝังหัว สิ่งที่เราเคารพมากที่สุดไม่ใช่แผ่นดิน มีเพียงอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยทั้งปวงเท่านั้นที่ผมเคารพอย่างสูงสุด

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ห่วงใยครับ