วันศุกร์, พฤษภาคม 10, 2562

๑๑ พรรคจ้อย ทำให้ลูกตุ้มของการตั้งรัฐบาลเบนจาก ‘เพื่อไทย’


ทั้งที่ กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งแล้วคะแนนพรรคการเมืองก็ยังไม่เลิกแกว่ง การแจกที่นั่งเอื้ออาทรแก่ ๑๑ พรรคจ้อย ทำให้ลูกตุ้ม ‘Pendulum’ ของการตั้งรัฐบาลเบนจาก เพื่อไทย ไปสู่ เพื่อประชารัฐ และข้อเรียกร้องของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้ ปิดสวิตซ์ ส.ว.ก็กลายเป็นหมัน

จากราคาคุยของนายพิเชษฐ์ สถิลชวาร หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย หนึ่งใน ส.ส.เอื้ออาทร (๔๗,๘๔๘ คะแนน) ว่าพรรคเล็กรวมกลุ่มกันได้ ๑๐ เสียงแล้ว “เราไปไหนไปกันให้เกิดพลังในการต่อรอง” และ “จะไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกครั้ง”

กับที่นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ (๓๙,๗๙๒ คะแนน) ออกลายพร้อมเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้น ไม่เกี่ยงว่าฝ่ายใด แต่ “ส่วนตัวไม่ติดใจเรื่องคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากได้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามกระบวนการของกฎหมาย”

ทางด้าน นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ (๓๕,๕๓๓ คะแนน) บอกว่ายังคุยอยู่กับทั้งสองฝ่ายเพื่อไทยและพลังประชารัฐ แต่ถ้าจะต้องไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ “ก็พร้อมยกมือให้รัฐบาลหากดำเนินการที่ถูกต้อง” ขอเพียงต้องสนับสนุนนโยบายพลังงานของพรรค

คนอื่นๆ ในกลุ่ม ๑๑ เอื้ออาทร ไม่ว่าจะ ไพบูลย์ นิติตะวัน พรรคประชาชนปฏิรูป (๔๕,๕๐๘ คะแนน) ราเชน ตระกูลเวียง พรรคทางเลือกใหม่ (๒๙,๖๐๗ คะแนน) ยงยุทธ์ เทพจำนง พรรคประชานิยม (๕๖,๖๑๗ คะแนน) หรือ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ พรรคไทยศรีวิไลย์ (๖๐,๔๒๑ คะแนน) ล้วนประกาศสนับสนุนประยุทธ์เป็นนายกฯ แล้วทั้งนั้น

แม้แต่ ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร บัญชีรายชื่อหมายเลข ๑ พรรคภราดรภาพ (๒๗,๗๙๙ คะแนน) อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทยที่ย้ายไปสังกัดพรรคมัชฌิมาธิปไตยและเป็นรองหัวหน้าพรรคก่อนหน้านี้ ก็ไม่ยากที่จะได้รับการชักนำให้เดินตาม สมศักดิ์ เทพสุทิน แห่งพลังประชารัฐ


คะแนนเสียงพรรคจ้อย ๑๐-๑๑ ที่นั่งทำให้สมการ ปริ่มน้ำที่ธนาธรหวังต้องเปลี่ยนไป จากที่คาดว่าฝ่ายหนุนประยุทธ์มี ๑๒๑ เสียง ส.ส. บวกกับ ๒๕๐ ส.ว. ได้เพียง ๓๗๑ ที่นั่งในสองสภา ไม่พอกึ่งหนึ่งของ ๗๕๐ ที่นั่ง ความเป็นไปได้ขณะนี้ พรรค คสช. มีมากกว่า ๑๓๐ เสียงในสภาผู้แทนฯ
 
ยังมีการบลั๊ฟจากสมศักดิ์ เทพสุทินอีกว่า พลังประชารัฐ มีความชอบธรรม ในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลเพราะฝ่ายสัตยาบันตอนนี้เหลือเสียงเพียง ๒๔๕ ต่ำกว่าครึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนฯ แม้ว่านายอุตตม สาวนายน หัวหน้า พปชร. จะถอยหนึ่งก้าว รอประชาธิปัตย์เลือกหัวหน้าพรรคเสร็จก่อน

เพราะเกิดปัญหาข่าวปล่อยในค่ายสื่อมาดามเดียร์ ที่ว่ากลุ่มประยุทธ์เหมารวม ปชป.และภูมิใจไทย พร้อมสองพรรค ชาติ-พัฒนาไปหมดแล้ว โดยมีเสียงสะท้อนเด้งออกมาจาก ปชป. ไม่พอใจ “การจัดสรรโควต้าของพลังประชารัฐ”

กรุงเทพธุรกิจ อ้าง แหล่งข่าว จากข้างใน ปชป. เผยว่า “สูตรการจัดตั้งรัฐบาลที่ถูกปล่อยออกมา ก็ไม่ถูกต้องทั้งหลักการและประเพณีปฏิบัติ เพราะ พปชร. มีเสียงเพียง ๑๑๕ เสียง เท่านั้นแต่กลับยึดกระทรวงหลักไว้ทั้งหมด ทั้งกระทรวงความมั่นคงและเศรษฐกิจ”

ขณะที่กลุ่มพรรคที่ถูกเหมารวม ปชป. ๕๒ เสียง ภท. ๕๑ เสียง ชทพ. ๑๐ เสียง ได้ ๑๑๓ เสียงไม่น้อยกว่ากันเท่าไร จึงคิดสูตรใหม่ ขั้วที่สาม “เตรียมจับมือกับภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพลังประชารัฐ”

 
ทำนองเดียวกับทางด้าน อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รีบโพสต์เฟชบุ๊คแก้เกี้ยวไว้ก่อน “ขอเรียนว่ายังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลและแบ่งกระทรวง ภูมิใจไทยกำลังฟังเสียงประชาชน” เลยมีใครต่อใครเข้าไป เม้นต์ย้อนคำพูด ทวงสัญญา กันใหญ่

รวมทั้ง โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมฝ่ายประชาธิปไตยก็เอาด้วย ทวงเหมือนกันยาวเหยียด ลงท้ายว่า “หากภูมิใจไทยเลือกอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ก็จะเกิดรัฐบาล ๒๙๖ เสียงที่พร้อมบริหารประเทศทันที แต่ถ้าไม่ ก็จะเกิดฝ่ายค้านที่เข้มแข็งแทน ด้วย ๒๔๕ เสียงจากเจ็ดพรรคบวกกับบางส่วนของประชาธิปัตย์”
 
ประเด็นหลังนี่ไม่ไม่ทราบว่าโบว์มีข้อมูลลึกแค่ไหน หรือเพียงเท่าที่ ส.ส.ใหม่ ไอติมพริษฐ์ วัชรสิทธุ แห่ง ปชป.หัวหอก ฝ่ายค้านอิสระเพิ่งออกมาโพสต์ให้ระวังการใช้ตรรกะ “ไม่หนุนประยุทธ์ = หนุนทักษิณ” ว่า “ถ้าโลกนี้มีแค่ประยุทธ์กับทักษิณ แล้ว #ฉันจะเลือกอะไรได้ไหม

ทำเอาค่ายสื่อ เนชั่นลูกไล่ ทีนิวส์ ลิ่วล้อ สปริงนิวส์ลิงหลอกเจ้าของพลังประชารัฐ หน้าหงายไปหน่อย ขณะที่มีคนเม้นต์เห็นชอบกับ #NewDem กันตรึม แค่บางรายไม่พอใจ ไล่ “ไอติมน่าจะอยู่พรรคอื่นนะครับ” เอ้าฮา