วันเสาร์, พฤษภาคม 11, 2562

ฟ้องได้เลย กกต.ประพฤติผิดทางอาญามาตรา ๑๕๗ คำนวณที่นั่ง ส.ส.ไม่ตรงตาม กม. รัฐธรรมนูญ และ พรป.


หลักฐานแน่นเตรียมไว้ ฟ้องได้เลย กกต.ประพฤติผิด และอาจคิดมิชอบทางอาญามาตรา ๑๕๗ “ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

อันเนื่องมาแต่การคำนวณที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบปัดเศษวกวน อ้างว่าทำตามหลักเกณฑ์ที่พวกตนเข้าใจว่าเป็นเจตนารมณ์ของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ แต่เอาเข้าจริงอย่างดีก็แค่อ่านกฎหมายของตนเองผิด

อย่างร้ายนั่นจงใจบิดเบือนเพื่อให้มี ส.ส.จากพรรคเล็กๆ คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ พึงมี ได้เข้าสภาไปเพิ่มเสียงร่วมตั้งรัฐบาลสนับสนุนหัวหน้ารัฐประหารกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี

หลักฐานแน่นที่ว่ามาจากนักคณิตศาสตร์เอกคนหนึ่งชื่อ ลอย ชุนพงษ์ทอง ทำคลิปเสนอความเห็นว่า กกต.คิดเลขผิด ๔ จุดด้วยกัน เป็นผลให้มีการแจกที่นั่งแก่พรรคคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ผ่าน เป็นความผิดรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๑ ข้อ ๓ และ ๔ กับผิด พรป.การเลือกตั้ง ม.๑๒๘ ข้อ ๓, ๔, ๕

(ดูรายละเอียดและคลิปที่คุณลอยแจงความผิดของ กกต.ไว้ได้ที่ https://www.matichon.co.th/politics/news_1488673)



 
ณ ที่นี้ ขอนำคำอธิบายของผู้ใช้นาม วิโรจน์ บนหน้าทวิตเตอร์ มาย่อยเนื้อหาให้เข้าใจง่ายขึ้น ว่า กกต.สอบตกคณิตศาสตร์อย่างไร 

เขาบอกคำอธิบายเหล่านี้เดินตามตัวบทที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งกำกับไว้ทุกอย่าง ซึ่งต่างกับ กกต.ที่บิดพริ้วออกนอกลู่ ยาวหน่อยค่อยๆ ‘grind’ บดทีละนิดขบทีละน้อย เสร็จแล้วอร่อยแน่

Wiroj @wirojlak เริ่มด้วยตัวเลขที่ กกต.ประกาศผลเลือกตั้ง ๓๔๙ เขต ๓๕,๔๔๑,๙๒๐ คะแนน ซึ่งขาดไป ๑ เขต ทำให้ต้องปฏิบัติตาม ม.๑๒๙ (๑) ของ พรป. เลือกตั้ง คือ “เอา สส. เขต ที่ประกาศแล้ว มาหารด้วย ๓๕๐” ได้ผลลัพท์เท่ากับ ๐.๙๙๗๑

ม.๑๒๙ (๒) “ให้เอา ๐.๙๙๗๑ คูณด้วย สส. ทั้งหมด ๕๐๐ คน โดยถือเอาเฉพาะจำนวนเต็ม ก็ได้ ๔๙๘ (ปัดเศษ.๕๗๑๔ ทิ้งไป) จากนั้นข้อ (๓) “ให้เอา ๔๙๘ มาลบด้วย สส. เขต ๓๔๙ คน จะได้ จำนวน ส.ส. Party List ที่ต้องจัดสรร” ๑๔๙ คน

ย้อนไป ม.๑๒๘(๑) หาเกณฑ์คะแนนเสียงที่แต่ละพรรคควรได้สำหรับจำนวน ส.ส.พึงมี ๑ คน ด้วยการเอาจำนวนเสียงทั้งหมดหารด้วย ส.ส. ทั้งหมด (๓๕,๔๔๑,๙๒๐/๔๙๘) ได้ ๗๑,๑๖๘.๕๑๔๑ ทำให้ ส.ส.พึงมีของ พปชร.ได้ ๑๑๘.๒๑๘๒ พท.ได้ ๑๑๐.๗๓๗๓ อนค.ได้ ๘๗.๘๘๖๑ และพรรคจ้อยๆ อย่างไทยศรีวิไลย์ กับพลังธรรมใหม่ ได้แค่ ๐.๘๔๘๐ และ ๐.๔๙๐๗

ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๑(๔) ระบุว่า “ต้องไม่มีพรรคไหนมี สส. เกินกว่า จำนวน สส. ที่พึงมี” เพื่อไทยได้ไปแล้ว ๑๓๖ (โนแขวนที่เชียงใหม่ไป ๑) ก็อดได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมทั้งพรรคจ้อยๆ ที่คะแนนไม่ถึง ๗ หมื่น ๑ พัน ต้องอดหมด

ตานี้ ม.๑๒๘(๓) บอกให้เอาจำนวน ส.ส.พึงมีลบด้วย ส.ส.เขต เพื่อหาจำนวน ส.ส.พาร์ตี้ลิสต์ที่แต่ละพรรคจะได้ พบว่า พปชร. ได้ ๒๑.๒๑๒๘ แต่เพื่อไทยติดลบ -๒๕.๒๖๒๗ ขณะที่อนาคตใหม่ได้ ๕๗.๘๘๖๑ พวกพรรคจ้อยไม่ถึง ๑ กันทั้งนั้น เช่น ทศล.=๐.๘๔๘๐ และ พธม.=๐.๔๙๐๗

จุดที่ กกต.คิดเลขผิดก็คือ “ไปปัด พท. เป็น ๐ โดยที่ พรป. ที่ กกต. เขียนเองไม่ได้บอกให้ปัดเลย และนี่คือจุดเริ่มต้นของความมั่ว” วิโรจน์แฉ “ทีนี้ละครับ พอรวมจำนวน ส.ส. Party List ของทุกพรรค มันจะได้ = ๑๗๔.๒๖๒๙ ซึ่งผิด”

เขาแฉต่ออีกว่า “ถ้าคิดตาม ม.๑๒๘ (๔) ตัวเลข ๑๗๔.๒๖๒๙ ไม่มีความจำเป็นเลยครับ เพราะ ม.๑๒๘ (๔) บอกให้จัดสรรจำนวน ส.ส. Party List ที่คำนวณได้ เป็นจำนวนเต็มก่อน” นั่นก็คือต้องปัดเศษ ซึ่งคุณลอยชี้ว่าจะปัดขึ้นหรือปัดลงอยู่ที่จุดมุ่งหมายของโจทย์
 
แต่วิโรจน์อธิบายว่า ในเมื่อ รธน. ม.๙๑(๔) และ พรป. ม.๑๒๘(๕) กำกับมิให้จำนวน ส.ส.เกินกว่าที่พึงมี จำเป็นต้อง ปัดเศษทั้งหมดทิ้ง เมื่อนำไปคำนวณตาม ม.๑๒๘(๔) (๕) แล้วจะได้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๑๕๑ คน

เห็นได้ว่าวิธีคิดแบบนี้ใกล้เคียงความจริงมากกว่าวิธีของ กกต. ที่ทำให้จำนวน ส.ส.บัญชีมีถึง ๑๗๔ คน แล้วยังมีข้อ (๗) มาตรา ๑๒๘ ให้ปรับจำนวน ส.ส. แต่ละพรรคตามจริงระหว่าง ๑๔๙ กับ ๑๕๑ ได้ค่าที่ถูกต้องว่า

“พปชร.=๒๐.๙๓๗๒ เพื่อไทย=ติดลบ ๒๔.๙๒๘๑ อนาคตใหม่=๕๗.๑๑๙๔ ไทยศรีวิไลย์=๐.๘๓๖๘ พลังธรรมใหม่=๐.๔๘๔๒” วิโรจน์สรุปว่าถ้าดำเนินการตรงตามข้อกฎหมายดังที่ร่ายมา จะได้จำนวน ส.ส.พาร์ตี้ลิสต์ตามจริงดังนี้ คือ

พปชร. ๒๐ คน เพื่อไทย ๐ อนาคตใหม่ ๕๗ ไทยศรีวิไลย์ ๐ และพลังธรรมใหม่ ๐ เมื่อรวมทั้งหมดเท่ากับ ๑๔๙ คนพอดี แต่เหตุไม่ชอบมาพากลมันเกิดตรงที่ กกต.ไม่เอาตัวเลขติดลบของพรรคเพื่อไทยมาคำนวณ โดยปัดให้เป็นศูนย์

จึงทำให้ได้จำนวน ส.ส.พาร์ตี้ลิสต์ถึง ๑๗๔ ครั้นเมื่อนำไปทอนจำนวนให้สมจริงตามมาตรา ๑๒๘(๗) กลับได้จำนวน ส.ส.พาร์ตี้ลิสต์ ไม่สมจริงคือ ๑๒๙ ห่างไกลกับจำนวนควรต้องเป็น ๑๔๙ มาก มีที่นั่งเหลือถึง ๒๐


ได้ช่องพอดี เข้าท่า เอาไปแจกพรรคจ้อยๆ ๑๑ ราย ทำให้ ไพบูลย์ นิติตะวัน กับมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ได้กันคนละ ๑ ที่นั่ง กร่างกันใหญ่ เอามากระแนะกระแหนพรรคที่ได้ ๕๐ ที่นั่งเสียนี่

แล้วยังทำให้เจ้านายพอใจ เมื่อ ๑๑ พรรคทำท่าจะแห่กันไปร่วมรัฐบาลฟอกขาวของประยุทธ์เสียด้วย