วันอังคาร, พฤษภาคม 07, 2562

สงสัยประเด็น 'หุ้นสื่อ' จะเป็นเค้าลางความปั่นป่วน นำไปสู่ นายกฯ คนนอก

๑๕ องคมนตรีในรัชกาลที่ ๑๐ ภาพโดย Wassana Nanuam
เป็นที่น่าสังเกตุว่าอะไรๆ คสช.ก็มาเร่งเอาตอนท้ายๆ นี่ เมื่อเสร็จพิธีราชาภิเษกลงแล้ว โดยเฉพาะเรื่องประชุมร่วม คสช. กับ ครม. ไม่บังเอิญพอดีตรงกับวันที่ กกต.จะประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส.แบบแบ่งเขต

ซึ่งอันที่จริงทั้งสององค์กรมีคนซ้ำๆ กันอยู่ไม่น้อย ถึง “ไม่ได้ประชุมร่วมกันเป็นทางการมานานแล้ว” คงไม่น่าจะสลักสำคัญนัก เพราะเรื่องใช้อำนาจพิเศษมาตรา ๔๔ ลบล้างคำสั่งและประกาศ คสช.ที่ไม่ต้องการอีกแล้วทิ้งไป ก็ได้พูดคุยกันมาแล้วเมื่อ ๓๐ เมษา

แม้แต่กรณีที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ อยากให้ยกเลิกคำสั่งแก้ไขปัญหาประมงที่เดิมไม่คิดจะยกเลิก เพียงเป็นเรื่องหลงหูหลงตาเล็กน้อย ที่ต้องเงี่ยฟังเป็นเรื่องที่พวกเขาจะถกกันเกี่ยวกับการลาออกของรัฐมนตรีและสมาชิก สนช. แบบ ‘en masse’ ยกขบวน นั่นต่างหาก

เนื่องจากจะมีทีมงานรัฐบาล คสช.ลาออกกันในวันที่ ๗ พ.ค.นี่อีก ๑๐ คน รวมเป็นทั้งหมดราว ๒๐ คน เหลืออยู่เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์จนกว่ารัฐบาลจะเข้าบริหารงานอีกแค่สิบกว่าคน รัฐมนตรีเหล่านี้เห็นว่าล้วนได้รับแต่งตั้งให้เป็น สว. ซึ่งจะประกาศชื่อในวันที่ ๑๑ พ.ค.

ส่วนพวก สนช.นั้นไม่เหมือน ครม. คาดว่าจะประชุมอย่างมีอำนาจเต็มที่ครั้งสุดท้ายในวันที่ ๗ นี้เช่นกัน หลังจากนั้นจะเป็นเพียงอยู่โยงรักษาการณ์จนกว่าสภาชุดใหม่จะเริ่มเปิดประชุม ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่าจะไปเป็น สว. วิป สนช. สมชาย แสวงการ เตือนให้จัดการลาออกเสียแต่วันนี้ ป้องกันผิดพลาดวันหน้า

ทางด้าน กกต.ก็แน่นอนแล้วว่าประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส.เขตแน่ๆ วันนี้ เพียงแต่ตอนเช้าขอตรวจซ้ำครั้งสุดท้ายแล้วไปประกาศตอนบ่ายเท่านั้น เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะได้ประกาศชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อได้อย่างคล่องๆ ไม่ต้องถามหาเครื่องคิดเลข

ตรงรายชื่อ ส.ส.บัญชีนี่ละที่ยังไม่สะเด็ดน้ำดี ที่เพิ่มพรรคปลาสร้อยนั้นไม่พอยาไส้ ครั้นจะสอยพรรคไม่เอาทหารเรื่อง หุ้นสื่อ มันให้ติดขัดเหลือหลาย เพราะมีทั้งพวกประชารัฐและพรรคที่รอเป็นกิ๊ก ‘concubines’ ติดร่างแหนับสิบ

ข่าวว่าเลยต้องหยวนปล่อยไปก่อน เช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ “มีแนวโน้มว่า...จะถูกประกาศรับรองเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อไปก่อน...แล้วค่อยมาสอยทีหลัง” เนื่องจากคดีที่ธนาธรโดน กกต.ฟันยังคาราคาซังอยู่

คดีเรื่องการถือครองหุ้นสื่อมวลชนของธนาธรนี้ “ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นให้ตีความพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา ๑๒๘ ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๑ หรือไม่ ในวันที่ ๘ พ.ค.”
 
กรณีนี้ทั้งนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กับนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นร้องเรียนไว้ นายเรืองไกรขอ กกต.รอหน่อยเดียวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเสร็จเสียก่อน

ทางนายสามารถชี้ชัด ตีกันสองมาตรฐานไว้ว่า อย่าหลีกเลี่ยง สกลนครโมเดลนะ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยโดนไปแล้ว คนอื่นๆ ที่เข้าข่ายอีหรอบเดียวกันก็ต้องโดนด้วย ส่วนนายเรืองไกรนั้นส่งหลักฐานลายลักษณ์อักษรไปให้ กกต.แล้วว่ามีใครบ้าง

พรรคพลังประชารัฐ ๓ คน (ผู้สมัคร กทม.เขต ๘ และ ๑๓ กับณัฏฐพล ทีปสุวรรณ บัญชีรายชื่อ) พรรคภูมิใจไทย ๒ คน (เขต ๑ สตูลกับเขต ๑ สุรินทร์) และพรรคประชาธิปัตย์ ๕ คน (ส.ส.เขตระนอง สงขลา กระบี่ กับบัญชีรายชื่อสองคน รวมทั้งพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค)


เหล่านั้นเป็นเค้าลางของ ความปั่นป่วนทางการเมืองที่จะตามมา จนทำให้ตู่ถอดใจ แต่ก็ไม่ยอมให้กลุ่มสัตยาบันตั้งรัฐบาล พวก สว.ดันให้ไปสู่ นายกฯ คนนอกที่มาจากองคมนตรีเป็นการชั่วคราว มาแก้ไขกฎหมายเพื่อปลดล็อคแล้วรีบไป

ทั้งนี้คิดสาระตะเอาจาก ‘scenario’ แนวทางต่างๆ ที่ Thanapol Eawsakul อุตส่าห์เรียงมาให้ดูกัน ๔ กรณีหลัก ๙ ประเด็นย่อย เช่น จำเป็นต้องตัดสิทธิ ส.ส. ที่มีหุ้นสื่อเป็นจำนวนมาก โดยไม่สามารถเลือกที่รักมักที่ชังได้

หรือ “ความชงักงันของการเลือกตั้งทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐบาลตัดสินใจอะไรไม่ได้เนื่องจาก ครม. เกินครึ่งลาออกไปเป็นวุฒิสมาชิก” ซึ่งกรณีนี้มีความลักลั่นกันอยู่ในตัวเล็กน้อย ในเมื่อรัฐมนตรีที่ลาไปเป็น สว.จำนวนมากเป็นทหารที่สวมหมวก คสช.ด้วย

ส่วนใหญ่เข้าไปคุมกระทรวงต่างๆ ก็เพียงกำกับข้าราชการประจำไม่ให้ออกนอกลู่คณะรัฐประหาร การบริหาร การพัฒนาตกอยู่กับข้าราชการประจำทั้งนั้น ส่วนมากก็เป็นงาน รูทีนที่เคยทำกันมา (นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่เศรษฐกิจย่ำแย่ไม่ยอมฟื้น)

มูลเหตุหลักหากจะต้องไปสู่นายกฯ คนนอกน่าจะเกิดจาก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. รู้ตัวว่าถึงที่สุดปัญหาการเมืองวัวพันหลัก การบ้านท้องกิ่วหิวโซ ไม่มีปัญญาดันนาวารัฐให้ไปได้ดีกว่าที่เป็นมา ๕ ปี ขืนดึงดันอยู่ต่อ รังแต่จะพังมากกว่านี้

ถอยลงไปยืนข้างเวที กำขี้ดีกว่ากำตดพอคุยได้ว่ามือเปื้อนเพราะได้ทำอะไรมาบ้าง ถ้าพังแหลกราญก็จะไม่มีอะไรให้อวดได้เลย