วันพุธ, พฤษภาคม 15, 2562

ข่าวว่าพลังประชารัฐเกิดป่วนมวลภายใน ถึงตั้งรัฐบาลได้ปีหน้าหนักกว่านี้


ฝ่ายประชาธิปไตยอย่าเพิ่งดี๊ด๊ากับข่าวพรรคพลังประชารัฐเกิดอาการป่วนมวลภายใน

ไทยรัฐบอกว่า ๑๓ ส.ส.ใต้เริ่มโวยวายทวงเก้าอี้รัฐมนตรีกันแล้ว หรือที่ ไทกร พลสุวรรณอดีตแนวร่วม กปปส. ทะลุกลางปล้อง ปูดว่าเกิด งูเห่าจะไปโหวตเลือกนายกฯ กับฝ่ายเพื่อไทย แม้แต่ว่าจะมีการพูดคุยภายในระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ แต่ผลลัพท์ยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
 
ภูมิใจไทยนั้นเป็นความหวังของแฟนคลับเพื่อไทยอยู่ไม่น้อย ยิ่งเกิดมีลูกไล่ คสช.อย่าง มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ พรรคศรีวิไลย์ที่ กกต.โยนกระดูกให้งับเลยกร่างใหญ่ แขวะทั้งภูมิใจไทยและ ปชป. จนนายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาฯ ภท.ต้องตบปาก ว่าอย่าริบังอาจ

แต่ข่าวที่ว่า “มีการทาบทามรวมเสียงกันตั้งรัฐบาลไว้ก่อนเลือกตั้งแล้ว” กับพลังประชารัฐ ทำให้ไม่อาจปัดสวะพ้นตัวได้ โดยเฉพาะหากหวังว่าประชาธิปัตย์จะเปลี่ยนใจไม่สืบทอดอำนาจ คสช. ถ้ากรณ์ จาติกวนิช พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หรือแม้แต่อภิรักษ์ โกษะโยธิน ไมได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค ก็ยาก

ฉะนั้นสิ่งที่ฝ่ายประชาธิปไตย (ที่ให้สัตยาบันร่วมกันไว้) ควรคำนึงมากกว่าการปิดสวิตซ์ สว. และหวังตั้งรัฐบาลร่วมกับ ภท.-ปชป. และ/หรือ งูเห่า ใน พปชร. (อดีตเพื่อไทย) ในเมื่อดูเหมือนการนี้ คสช.จะเดินสายตรงเข้าสู่วุฒิสภาโดยไม่มีสวิตซ์ ไม่มีคัทเอ๊าท์
 
รายชื่อ สว.ประกาศออกมาแล้ว เป็นพวกที่เคยได้รับตำแหน่งแต่งตั้งจาก คสช. ๑๕๗ คน เป็นทหาร ตำรวจยศนายพล ๑๐๓ คน เป็นข้าราชการที่ คสช.ขุนด้วยการขึ้นเงินเดือนให้ตลอด ๕ ปีอย่างน้อยๆ ๑๔๓ คน เป็น สว.ลากตั้งเก่าที่รากงอก ๕ คน กับที่นั่งควบตำแหน่งคุมยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูป ๕๑ คน

ไหนจะ สว.พี่ๆ น้องๆ สว. คสช.ย้ายโรง แล้วยัง สว.ขนหน้าแข้ง คสช.อย่าง คำนูณ สิทธิสมาน สมชาย แสวงการ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ วัลลภ ตังคณานุรักษ์ คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันทน์ ฯลฯ อีกล่ะ

คนเหล่านี้เป็น ฝักถั่ว ของ คสช.ทั้งนั้น อย่าได้หวังว่าจะเกิดอาการลัดวงจร หรือแม้แต่ ‘power glitz’ ไฟดับชั่วครู่ขึ้นได้ ไทกรน่าจะมโนเอาเอง นึกหรือว่าทักษิณจะซื้อคืนงูเห่าอดีตเพื่อไทย ไปซื้อทีมพรีเมียร์ลี้คใหม่อีกสักทีมจะเก๋กว่า

หนทางที่น่าจะสวยก็คือฝ่ายสัตยาบันมัดหวายรวมกันเป็นฝ่ายค้านที่แข็งแกร่ง ยันกับรัฐบาล ๒๐ พรรคของประยุทธ์ เชื่อสิไม่ไม่เกินสองปีถ้าไม่มียุบสภาก็รัฐประหาร แต่รัฐประหารคราวหน้าจะไม่เนียนอย่างครั้งก่อนแน่ อย่าได้ปรามาสพลังคนรุ่นใหม่ (หรือจิตสำนึกก้าวหน้า)

อะไรน่ะหรือจะทำให้รัฐบาลพลังประชารัฐไปไม่รอด นอกจาก แย่งกันกินแบบเดิมๆ (ก็ไปขุดเอาอดีต ส.ส.เปลือกกระพี้จากพรรคต่างๆ มาล้างน้ำใช้) จนวุ่นวายมัวแต่แบ่งสรรปันส่วนไม่มีปัญญาฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างหวังแล้ว

ต่างชาติ (ตะวันตก) ที่ฝันว่าจะแห่กลับมาลงทุนก็คงรอดูท่าทีต่อไป เพราะเวลานี้เขารู้กันหมดแล้วว่าเลือกตั้งไทย รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจโกงสะบัด กัด (ฝ่ายตรงข้าม) สะบึม แถมยัง ดีลลึก แล้วกับเจ้าสัวและทุนจีน ที่มีแต่โกยกับโกย

เรื่องท่องเที่ยวที่ว่าปีหน้าปีโน้นมีแต่จะเพิ่มยิ่งขึ้นจากเมืองจีน (ที่อื่นๆ ยังหงอย) จะอาเป็นสรณะอะไรไม่ได้นักหรอก Wiroj @wirojlak เขาไปเจอข้อมูลจาก ‘UN Atlas of the Oceans’ ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศกำลังพัฒนา หรือ ห้ามพัฒนาแบบที่ กานดา นาคน้อย @kandainthai ว่านั้น

มี ‘hidden costs’ ที่ทำให้ประเทศเจ้าภาพไม่ได้รับผลตอบแทนมากเท่าไรนัก ประเทศที่เจริญมากแล้วจึงจะสามารถกอบดกยผลกำไรได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เขายกตัวอย่างผลการศึกษาวิจัยประเทศไทย พบว่าเงินรายได้จากนักท่องเที่ยว ๗๐% เผ่นหนีออกนอกประเทศหมด

เปอร์เซ็นต์รายได้ท่องเที่ยวรั่วไหลในหมู่ประเทศโลกที่สาม (ด้อยพัฒนา) เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ ๘๐ ในแถบแคริเบียน และ ๔๐% ที่อินเดีย ทั้งนี้เพราะไหนจะส่วนแบ่งของสายการบิน บริษัททัวร์ เครือข่ายโรงแรม แล้วยังมีวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อให้มาตรฐานบริการเป็นที่พอใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ


ยิ่งนักท่องเที่ยวจีนในไทยก็รู้ๆ เห็นๆ กันอยู่ว่ามีบริการเสริมติดตามมาจากแผ่นดินใหญ่ ที่พัก ร้านอาหาร ขนส่ง บริการทัวร์ ร้านขายของชำร่วย แม้แต่ร้านเพชรพลอย-ทองรูปพรรณ ก็ยังเป็นของทุนจีน ประเทศไทยได้แค่ค่าธรรมเนียมเล็กน้อย กับค่าแรงอัตราจีนสำหรับแรงงานไทย

ไหนจะเรื่องภาวะสิ่งแวดล้อม ฝุ่นพิษ คสช.ยังแก้ไม่ได้ แค่ประทัง แล้วใครจะเชื่อว่ารัฐบาลที่เปลี่ยนชื่อเป็นประชารัฐจะแก้ได้ ฝรั่งที่ไหนจะยังอยากไปเที่ยวไทยอีก เก็บไว้แต่ memories เป็นที่ระลึกถึงยุคก่อนรัฐประหารก็พอใจแล้ว
 
นี่ปีหน้า พรบ.โรงงานฉบับใหม่บังคับใช้เต็มพิกัด (เริ่มตุลาปีนี้) ยิ่งเพิ่มภาวะมลพิษหนักเข้าไปอีก ไหนจะฝุ่นพีเอ็ม ๒.๕ ไหนจะน้ำเสียจากโรงงานกลิ่นเหม็น ไหนจะ สารอันตรายที่เกิดจากการเผาไหม้ของกิจการโรงงานหล่อหลอม รีไซเคิลอัน “เป็นสารก่อมะเร็ง”

ทั้งนี้เพราะโรงงานขนาดเล็กกว่า ๕๐ แรงม้าส่วนใหญ่ ที่ประกอบกิจการเป็นประเภทโรงงานหล่อหลอมโลหะ รีไซเคิล คัดแยกขยะ ฝังกลบขยะนั้น “ไม่อยู่ในกำกับของกฎหมายโรงงานอีกต่อไป” นั่นคือไม่ถูกตรวจสอบระบบควบคุมมลพิษ

แล้วยังโรงงานกฎหมายใหม่ลดขั้นตอนให้สามารถตั้งโรงงานหลังบ้านกันได้ง่ายๆ “เชื่อว่าจะทำให้โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว” และภาวะมลพิษก็จะไล่ตามติดๆ


เป็นอันว่ารัฐบาล คสช. ในนามประชารัฐนี่เจอขวากหนามที่ตัวเองสุมไว้บานเบอะ ถึงจะปกครองได้ด้วยอำนาจขุนศึก-ศักดินา ก็บริหารงานยาก ท่าทางจะเป็น ลิงแก้แหแน่ๆ
 
กลุ่มสัตยาบันแค่เป็นฝ่ายค้าน ดันแก้รัฐธรรมนูญ ปักหลักลดผลพวงรัฐประหาร สนองเจตนารมณ์ที่ผู้ออกเสียงกว่า ๑๖ ล้านคนมอบอาณัติให้ก็เหลือจะพอ

(สำหรับรายละเอียดด้านการเมือง และผลพวงการเลือกตั้ง โปรดอ่านเพิ่มเติมที่ https://ilaw.or.th/node/5258-bjtqkyVc, https://www.thairath.co.th/news/politic/1567621_IjhhVMVx0lmz0wAU, https://www.voicetv.co.th/read/8_YXT9HdxQunC5Yn3iAnGwSBCwVp0, และ https://www.posttoday.com/politic/news/589019)