วันพฤหัสบดี, เมษายน 11, 2562

สิบปีป๋าจะซ้ำรอยไหม บอกไทยโชคดีได้อภิสิทธิ์นายกฯ มีคนโดนทหารยิง ๙๙ ศพ คราวนี้ยืดอกว่ารัฐบาลตู่ไม่โกง ประชาชนจะโดนอะไร


มีคนคอมเม้นต์คำพูด พล.อ.เปรม ที่บอก “รัฐบาลนี้เก่งไม่เก่งก็ดูเองแล้วกัน ขอยืดอกพูดได้เลยว่ารัฐบาลนี้ไม่โกง รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่โกง” ทำให้นึกถึงคำพูดของประธานองคมนตรีตอนปลายปี ๒๕๕๑ ที่ว่า “ประเทศไทยโชคดี ได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ”

ผลก็คืออีกปีกว่าๆ ต่อมารัฐบาลอภิสิทธิ์ และ ศอฉ.ภายใต้กำกับของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าสลายการชุมนุม นปช. ด้วยกระสุนจริง ทำให้มีคนตาย ๙๙ ราย เป็นตราบาปของชาติมาจนกระทั่งบัดนี้ ดังที่ สงวน คุ้มรุ่งโรจน์ #บันทึกกรรมประเทศกูมี เอาไว้

“คืนหฤโหด (The Endless Night) วันที่ ๑๐ เมษายน (ค.ศ.) ๒๐๑๐ บริเวณสี่แยกคอกวัว ร้านค้าหลายแห่งบนถนนตะนาวตัดถนนข้าวสาร ถูกห่ากระสุนจากฝ่ายทหารกระหน่ำใส่อย่างบ้าคลั่ง โดยคำสั่งรัฐบาลมาร์ค-เมือก พรรค ๑๐๐ ศพ”

วันนี้ม้าร์คลาออกจากหัวหน้าพรรคเพราะแพ้เลือกตั้งอดสู นอกจากจะไม่ได้ ส.ส.ถึงร้อยตามสัญญาแล้วยังต่ำมากแค่ครึ่ง ทำให้บรรดา งูเห่า กปปส.ภายในพรรคที่ได้รับเลือกตั้งพากันหักดิบ ประกาศจะไปร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐของ คสช.

ขณะที่ กกต. ผู้จัดและควบคุมการเลือกตั้ง กำลังเล่นแร่แปรธาตุกับคะแนนดิบ พยายามปัดเศษจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อไปให้แก่พรรคเล็กพรรคน้อย เพื่อลดจำนวน ส.ส.พึงได้ของพรรคอนาคตใหม่ที่มาแรงเป็นอันดับสาม แล้วยังประกาศตัวรวมหัวกับอันดับหนึ่งพรรคเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาล
๑๐ เมษา ๖๒ เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชน ๒ กลุ่ม พร้อมหน้ากันไปยื่นข้อเรียกร้องต่อ กกต. โดยกลุ่มนักวิชาการเพื่อสิทธิมนุษยชน ขอให้เปิดเผยคะแนนรายหน่วยเลือกตั้ง กับขอให้แจกแจงวิธีการและขั้นตอนในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างละเอียดต่อสาธารณะ

นอกนั้นยังขอให้ กกต.ถอนฟ้องผู้ต้องหา ๗ คนที่แชร์การลงชื่อถอดถอน กกต. ในเว็บ Change.org เช่นเดียวกับที่เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม ๖๓ แห่งเรียกร้องตาม “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่ได้รับการรับรองไว้ตามมาตรา ๓๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐”


มิใยที่สมาชิก สนช. ซึ่งเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรป.เลือกตั้ง ส.ส. พยายามจะเข้าข้าง กกต. โดยอ้างในขั้นตอนร่างนั้นมีการอภิปรายเรื่องสูตรนับคะแนนจนตกผลึกแล้ว ว่าคะแนน ๗๑,๐๐๐ โดยประมาณ ที่นำมาใช้หา ส.ส.พึงมีนั้น  “ไว้คิดสำหรับรอบแรกเท่านั้น...จะนำมาเจาะจงตายตัวไม่ได้”
 
นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน อ้างการที่ “ขนาด ส.ส.เขตที่ชนะยังต่างกัน บางเขตต้อง ๔ หมื่นคะแนนจึงชนะ บางเขต ๒ หมื่นคะแนนก็ชนะ” ฉะนั้นการที่ กตต.คิดคำนวณให้พรรคที่มีแค่ ๓-๔ หมื่นคะแนนได้ที่นั่งในสภา “ไม่ได้มีอะไรพลิกแพลง...ไม่เข้าใจว่ามีข้อถกเถียงกันเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายได้อย่างไร”


มีคนเปรียบเทียบวิธีคิดคำนวณดังกล่าวไว้หลายสำนวน ส่วนใหญ่เห็นว่าถ้าไม่ประหลาดหรือเซี้ยว ก็เบี้ยวเพื่อตัดจำนวนที่นั่งคู่แข่งของพรรค คสช. ทว่าข้อชี้แจงของพรรคเพื่อไทยที่ว่า “การนำวิธีการคำนวณดังกล่าวมาใช้

จะเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๙๑ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ มาตรา ๑๒๘ และยังขัดต่อหลักตรรกวิทยาด้วย” นั้นน่าจะชี้ให้เห็นได้ชัดแจ้งที่สุดว่า กกต. กระทำ ผิด อย่างไร ในเมื่อการคำนวณค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส. ๑ คน ได้เอาคะแนนรวมจากทุกพรรคมาใช้แล้ว
 
ประเด็นสำคัญ พรรคการเมืองที่มีคะแนนต่ำกว่า ๗๑,๐๖๕ คะแนน เป็นพรรคที่ไม่มี ส.ส.พึงมี ตามมาตรา๑๒๘ () จึงไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเบื้องต้นตามมาตรา ๑๒๘ () และไม่มีสิทธิจะได้รับจัดสรรแบบบัญชีรายชื่อ ตามมาตรา ๑๒๘ () และ (๕)


สนช. กรธ. หรือ กกต. จะอ้างต่างไปจากที่เป็นบทบัญญัติใน พรป. แม้จะมีการอภิปรายตกผลึกกี่ครั้งกี่หน ถ้าเป็นผลึกที่ผิดแผก หรือแย้งตัวบทกฎหมายย่อมใช้ไม่ได้ ซ้ำยังอาจถือเป็นเจตนาในการตีความให้บิดเบือนไปด้วย

นี่คือปัญหาของระบอบ ปิดที่องค์กรนิติบัญญัติไม่ได้มาจากประชาชนหรือขานรับกับความเห็นมหาชน ทั้ง สนช. กรธ. และ กกต. มาจากการแต่งตั้งโดย คสช.ทั้งนั้น แล้วยังทำงานสนองความต้องการของ คสช.โดยตลอด

นี่คือการ โกง ที่เลวร้ายที่สุด คือโกงทั้งแผ่นดิน เปรมจะแอ่นอกหรือแอ่นหลังพูดอย่างไรย่อมไม่หนีความจริงไปได้ว่าคณะทหารทุกรัฐบาล รวมทั้งสมัยที่เปรมเป็นนายกฯ เองด้วย ล้วนโกงประชาชนกันมาทั้งสิ้น