วันอาทิตย์, เมษายน 07, 2562

#เรื่องจริงจังที่ผู้ใหญ่ทำเป็นเล่น





#เรื่องจริงจังที่ผู้ใหญ่ทำเป็นเล่น

เด็กหนุ่มผมยาว หน้าหวาน ขี้เล่น อารมณ์ดี เป็นติ่งนักร้องหญิงเกาหลี ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ล้ม นิยมกิจกรรมสันทนาการ - เหล่านี้คือ "เบสท์" ในสายตาของเพื่อน ๆ

จะว่าไปเขาก็ไม่แตกต่างไปจากวัยรุ่นตามยุคสมัย ซึ่งไม่ได้ "ฮาร์ดคอ" ทางการเมือง ใช้ชีวิตเหมือนไม่จริงจังอะไร

เบสท์ เป็นนักศึกษาปีสุดท้ายในคณะวิทยาศาสตร์ เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ไอที ซ่อมโทรศัพท์มือได้ ซ่อมคอมพิวเตอร์เก่ง เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับกลุ่มรุ่นพี่สายสนุกสุขนิยมที่นอกรั้วมหาวิทยาลัย

บ่ายวันที่ 2 เมษายน 2562 เบสท์ขี่มอเตอร์ไซค์ตรงดิ่งมาที่คณะอักษรศาสตร์ เพื่อร่วมลงชื่อถอดถอน กกต. เขานั่งกรอกแบบฟอร์มโดยไม่ยอมถอดหมวกกันน็อคออกก่อน และที่มือยังมีผ้าพันแผล

"มันรถล้มบ่อยมากจนเป็นปกติ ขี่รถเร็ว " เพื่อนพูดถึงเบสท์ ความประมาทบนท้องถนนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยเกินการควบคุมของเขา

เบสขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาอีกครั้ง เพื่อให้สัมภาษณ์อย่างตั้งอกตั้งใจ คราวนี้เขาสวมหมวกผ้า เปิดหน้าตาชัดเจนขึ้น

เมื่อถูกถามว่ารู้สึกอย่างไรกับการเลือกตั้งครั้งแรกของชีวิต เบสท์ นิ่ง คิด และค่อย ๆ ตอบอย่างสุขุม ผิดกับบุคลิกขี้เล่นของเขาอย่างสิ้นเชิง

เขาบอกว่าเขาหวังไว้มาก เพราะเชื่อเหลือเกินว่าประชาชนรวมทั้งคนหนุ่มสาวอย่างเขา มีสิทธิกำหนดอนาคตประเทศชาติ

"สิทธิของเรา เราต้องใช้ อนาคตของประเทศชาติ เราต้องเลือกเอง" เขายืนยัน

แม้หนึ่งเสียงอาจทำอะไรไม่ได้มาก แต่หากหลายเสียงรวมกัน มันเป็นพลังที่เปลี่ยนแปลงสังคมนี้ได้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการจัดการเลือกตั้งทำให้เขารู้สึกว่าถูกหักหลัง พลังการเลือกของเขาและประชาชนทุกคนถูกทำให้ไร้ค่า จนคล้ายกับว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่มีประโยชน์อะไรเลย

ในโลกเสรี เรามีสิทธิเลือกใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ เบสท์อาจใช้รถใช้ถนนประมาทอยู่บ่อย ๆ แต่การแสดงออกทางการเมืองของเขา สะท้อนให้เห็นว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้ยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง เขาเห็นว่าสังคมไทยไม่ควรก้าวไปอย่างประมาท และผิดพลาดซ้ำร้อยเดิมไม่รู้จบสิ้น

"ถ้าให้เวลามากกว่านี้ ผมจะไปสระผมก่อน" นั่นเองคือเหตุผลที่ทำให้เขาสวมหมวกตลอดเวลา ไม่ได้เกี่ยวกับความกล้า หรือความกลัวใด ๆ เลย

....
บันทึึึกภาพ 2 เมษายน 2562 มหาวิทยาลัยศิลปากร


ในนามของความสงบเรียบร้อย

ooo




เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ หลอมรวมเราเข้าด้วยกัน

เราจะไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเถื่อน
เราจะไม่ยอมจำนนต่อกฎหมายอยุติธรรม
เราจะไม่ยอมจำนนต่อคำขู่ ข่าวลวง ความเท็จ
เราจะไม่ทรยศต่อ 6 ล้าน 3 แสนเสียงที่มอบให้ผ่านการเลือกตั้ง

เราจะสู้ จนกว่าจะถึงวันที่อำนาจสูงสุดเป็นของเรา

ประชาชน

We shall overcome.