วันเสาร์, มีนาคม 10, 2561

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค : ปีที่ 1 เริ่มชงัก ปีที่ 2 เริ่มถดถอย ปีที่ 3 เริ่มซบเซา ปีที่ 4 เริ่มอดอยาก ประชาชนต้องทนอยู่ในอำนาจทรราชอีกนานไหม???





“ถ่วงความเจริญจริงด้วย”

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาล คสช. อ้างดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงสุดในรอบ 3 ปี ว่าเป็นผลงานของรัฐบาลที่ทำให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจทุกตัวติดแล้ว ซึ่งผมได้แสดงความเห็นค้านไปเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ว่า ความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นไม่ได้เป็นผลงานของรัฐบาล แต่เกิดขึ้นเพราะในเดือนธันวาคม 2560 ประชาชนยังมีความหวังว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 แต่เมื่อการเลือกตั้งเริ่มมีความไม่แน่นอนจะกระทบถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนอย่างแน่นอน ปรากฏตามลิ้งค์ที่แนบมา

ในที่สุดสิ่งที่คาดการณ์ไว้ก็เป็นจริง ล่าสุดผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ตกต่ำเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เนื่องจากประชาชนมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองที่อาจมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ยืนยันความเห็นของผมตามโพสต์ข้างต้นว่า การเลือกตั้งเร็วคือความหวังของประชาชนเพราะหมดความเชื่อมั่นในรัฐบาล คสช. มานานแล้ว

อย่างไรก็ตาม โดยที่ พรป. ส.ส. และ ส.ว. ผ่านการพิจารณาของ สนช. แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงแม้ระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. จะมีผลในอีก 90 วัน แต่เมื่อรวมระยะเวลา 150 วันที่จะต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จก็จะมีระยะเวลารวม 240 วันนับจากการประกาศ เป็นผลให้การเลือกตั้งจะต้องถูกจัดให้มีขึ้นไม่เกินเดือนตุลาคม 2561 เพื่อให้แล้วเสร็จภายใน 150 วันตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น สิ่งดีๆ ที่รัฐบาลพอจะทำได้ในตอนนี้คือการสร้างความเชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งภายในปีนี้ ด้วยการเปิดพื้นที่ให้พรรคการเมืองและประชาชนได้ทำกิจกรรมทางการเมือง ยกเลิกบรรดาคำสั่งหรือประกาศที่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนจะกลับคืนมา หยุดถ่วงความเจริญได้แล้ว

วัฒนา เมืองสุข
9 มีนาคม 2561


Watana Muangsook

...

Veeranuch Smart Amon ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ปีที่ 1 เริ่มชงัก
ปีที่ 2 เริ่มถดถอย
ปีที่ 3 เริ่มซบเซา
ปีที่ 4 เริ่มอดอยาก
ผู้บริโภคไม่ใช่ไม่อยากกินอยากใช้ #แต่ไม่มีเงินให้กินให้ใช้
หัวขบวนไม่มีความคิดพัฒนาบริหารจัดการเศรษฐกิจ พวกพ้องทุจริตโกงกินห้ามตรวจสอบ กำจัดหัวก้าวหน้าที่จะพัฒนาความเจริญ
ประชาชนต้องทนอยู่ในอำนาจทรราชอีกนานไหม???