วันพฤหัสบดี, มีนาคม 15, 2561

ปูด ‘หมากลึกซึ้ง’ ลืมได้เลยเลือกตั้ง ‘กพ. 62’ (มีคนเสียหมาอีก)





‘สมชัย’ ชี้ ยื่นตีความกม.ส.ส.-ส.ว. ‘หมากนี้ลึกซึ้งยิ่ง’ ปูด ส่อยื้อเลือกตั้ง ‘เม.ย. 62’


14 มีนาคม 2561
ที่มา ข่าวสดออนไลน์


เมื่อวันที่ 14 มีนาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า แม้ว่าร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. จะผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติ(สนช.)ไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตามมาตรา 148 ของรัฐธรรมนูญมี 2 ช่องทางที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีที่เห็นว่าร่างกฎกมายดังกล่าวมีข้อความที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ คือ ช่องทางที่หนึ่ง สนช.จำนวนร้อยละสิบ หรือ 25 คนร่วมลงนามถึง ประธานสนช. ช่องทางที่สอง นายกรัฐมนตรี เห็นควรให้ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย จากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงถึง 2 ช่องทางเท่านั้นที่สามารถทำได้ และในขณะนี้เริ่มมีข่าวว่า ประธานกรธ.จะมีหนังสือขอให้มีการยื่นตีความไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยชี้แจงว่า จะไม่กระทบต่อโรดแมปเลือกตั้ง

นายสมชัย กล่าวต่อว่า ใครบอกที่ไม่กระทบโรดแมป ให้ไปเรียนบวกเลขกันใหม่ กรณีที่ไม่มีการยื่นศาล ต้องใช้เวลาเต็มที่ 330 วันหลังจากนายกฯทูลเกล้า คือ รอโปรดเกล้าฯ 90 วัน ชะลอการใช้ 90 วัน เวลาเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ 150 วัน (90+90+150= 330) ดังนั้นหากนายกสามารถทูลเกล้าได้ในเดือนมีนาคม 2560 นับไป 11 เดือน ก็คือ กุมภาพันธ์ 2562 แล้ว กรณีที่มีการยื่นศาล ต้องทดเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน คือเผื่อการวินิจฉัยของศาลไว้ประมาณ เดือนครึ่งและการนำกลับมาแก้เล็กหลังศาลวินิจฉัยอีกครึ่งเดือน การนับเวลาใหม่จึงเป็น 60+90+90+150 = 390 วัน หรือ 13 เดือน แปลว่า วันเลือกตั้งจะเคลื่อนจากโรดแมปไปอีก 2 เดือนจากกุมภาพันธ์ เป็นเมษายน 2562

“ที่ตื่นเต้นกว่านั้นคือ ในวรรคสามของ มาตรา 148 เขียนว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าข้อความที่ขัดหรือแย้งนั้นเป็น “สาระสำคัญ” ของกฎหมาย. “ให้ร่าง พระราชบัญญัตินั้นตกไป ประเด็นที่นายมีชัยทักท้วงเกี่ยวกับร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.นั้น ต้องบอกว่าเป็นสาระสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นวิธีการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งแปลว่า หากส่งตีความแล้วศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าผิดหรือขัดในสาระสำคัญ เราคงเห็นการยกร่างกันใหม่ทั้งฉบับใช้เวลายืดไปอีกออกอย่างน้อย 6 เดือน ใครที่บอกว่าร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ไม่เสร็จ ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับการเลือกตั้งส.ส. ขอบอกสั้นๆ รัฐธรรมนูญบอกให้เลือกส.ว.ให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง ส.ส. 15 วัน ไม่มีส.ว.ก็ไม่มี ส.ส. หมากนี้ลึกซึ้งยิ่ง ขึ้นอยู่กับใครจะเป็นจำเลยให้สังคม ระหว่าง 25 สนช. หรือ นายกฯถ้าโรดแมปต้องเลื่อนไปอีก 2-6 เดือน” นายสมชัย กล่าว


ooo





14 มี.ค. 2561
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์

นิพิฏฐ์ ชี้ลืมได้เลยเลือกตั้ง ก.พ. 62 ยก 3 ข้อ ประกอบอภินิหารทาง ก.ม.


"นิพิฏฐ์" โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุลืมได้เลยเลือกตั้ง ก.พ. ปี 62 แจงละเอียด ตั้ง 3 ข้อสังเกตสิ่งผิดปกติ ยกทฤษฎีสมคบคิด เจือสมปรากฏการณ์อภินิหารทางกฎหมาย

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "เกิดความสงสัยอย่างกะทันหันว่าสิ่งที่ตนเห็นชอบ ขัดกฎหมาย?" ใจความว่า สนช.มีมติเห็นชอบกับ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.(เป็นเอกฉันท์) วันนี้อาจเปลี่ยนใจจะส่งไปตีความ ที่ศาลรัฐธรรมนูญว่า สิ่งที่ตัวเองเห็นชอบไปนั้น ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ (ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 81, 148) เพราะงั้นการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ลืมไปได้เลย

... ตนเคยบอกแล้วว่า 1. หลัง สนช.โหวตผ่านกฎหมายสองฉบับนี้ด้วยเสียงเอกฉันท์ และถ้ามีการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอีก แสดงว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น...

...ปัญหาจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อมีการส่งไปตีความ เพราะไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และถ้ามีใครแสดงท่าทีขึงขังย้ำว่า จะมีเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 62 ก็เท่ากับว่าบุคคลนั้น กำลังจะโกหกประชาชนอีกต่อไป เพราะการส่งเรื่องให้ศาลตีความไม่มีการกำหนดระยะเวลา ในการพิจารณาของศาลได้ คือ อาจจะใช้เวลาหกเดือนหรือหนึ่งปีหรือมากกว่านั้นก็ได้ 2. ทฤษฎีสมคบคิดนี้ ถ้าศาลตีความว่าร่างกฎหมายที่ผ่าน สนช.ผิดรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งก็จะต้องเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด อาจจะเป็น 2-3 ปี ก็ได้ เพราะต้องไปเริ่มต้นกระบวนการยกร่างกฎหมายใหม่ทั้งหมด ซึ่งเท่าที่ตนติดตามดูห่างๆ คิดว่ามีแนวโน้มว่าจะผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเจือสมกับที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่ามีทฤษฎีสมคบคิดกันจริง 

3. คนระดับ นายมีชัย ที่ยกร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกต่างๆ มาแล้ว ควรจะรู้แต่ต้นแล้วว่าสิ่งที่เสนอไปขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และไม่ควรปล่อยให้ผ่านมาอย่างนี้ หากมีปัญหาก็ควรต้องแก้ไขให้เรียบร้อย ก่อนที่จะปล่อยให้มีการโหวตลงมติ จึงถือได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ อภินิหารทางกฎหมายของของกฎหมาย ซึ่งคนที่มีอภิญญาสูงส่งระดับนายมีชัยเท่านั้น ที่สามารถทำได้