วันพุธ, มีนาคม 14, 2561

ส่งสำนวนอัยการ ฟ้องเปรมชัยกับพวก 9 ข้อหา มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จัดทำรายละเอียดว่า ข้อหาทั้งหมด ผิดอยู่ในพระราชบัญญัติใด และมีโทษเป็นอย่างไร





ส่งสำนวนอัยการ ฟ้องเปรมชัยกับพวก 9 ข้อหา



เรียบเรียง ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
ที่มา เวป มูลนิธิสืบนาคะเสถียร


ตำรวจสรุปสำนวนส่งอัยการจังหวัดทองผาภูมิ มีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต และพวกรวม 4 คน ใน 9 ข้อหาแล้ว ด้านอัยการภาค 7 ตั้งคณะทำงานพิเศษเพิ่มสางคดี

13 มีนาคม 2561 พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ให้กับสำนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ โดย นางสมศรี อธิบดีอัยการภาค 7 และนายทะนง ตะภา อัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นผู้รับสำนวน

สำหรับคดีนี้มีผู้ต้องหารวม 4 คน คือนายเปรมชัย กรรณสูตร ผู้ต้องหาที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 โดยมีข้อกล่าวหารวม 9 ข้อ ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ.34/2561 ในความผิดดังนี้

1. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

3. ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

4. ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

5. ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่า อันได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย

6. ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

7. ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

8. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

9. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุอันสมควร

สำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาที่ 1 ถึง 9 แก่ผู้ต้องหาทั้งสี่แล้ว ผู้ต้องหาทุกคนให้การปฏิเสธ ส่วนประเด็นเรื่องร่วมกันกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควร พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 4

โดยพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนเสนอพนักงานอัยการ ดังนี้

1. เสนอเห็นควรสั่งฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 ข้อหาที่ 1 ถึง 8 และเห็นควรสั่งฟ้องในข้อหาที่ 9 เฉพาะข้อหา พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควรส่วนข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากอาวุธปืนของกลาง เป็นของนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย และเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง นายเปรมชัยฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหา ร่วมกันกระทำการอันเป็นทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เพราะเห็นว่า การกระทำไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย

2. เห็นควรสั่งฟ้อง นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 ตามข้อกล่าวหาที่ 1 ถึง 9 ทุกข้อกล่าวหา และเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 2 ถึง 4 ในข้อหาร่วมกันกระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่มีเหตุอันสมควร เพราะเห็นว่า การกระทำไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังระบุรายละเอียดว่า จากความสนใจของสาธารณชนและหน่วยงานต่างๆ นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาดำเนินคดีนี้ ประกอบด้วย นายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 2 ภาค 7 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน นายทนง ตะภา อัยการจังหวัดทองผาภูมิ คณะทำงาน, พ.ต.ท.อำนาจ สุจริตชัย รองอัยการจังหวัดกาญจนบุรี คณะทำงาน และนายกฤษฎา ชูโต รองอัยการจังหวัดทองผาภูมิ คณะทำงานและเลขานุการ

เมื่อคณะทำงานพิจารณาและมีความเห็น เสนออธิบดีอัยการภาค 7 มีคำสั่งทางคดีเรียบร้อยแล้ว สำนักงานอัยการสูงสุดจะได้แถลงให้ทราบในโอกาสต่อไป

อนึ่ง วันนี้พนักงานสอบสวนไม่ได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 มาพร้อมสำนวน เนื่องจากตัวผู้ต้องหาได้มีการฝากขังไว้ที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิแล้ว ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ.34/2561 โดยจะครบฝากขังครั้งที่ 4 ในวันที่ 25 มีนาคม 2561

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

ooo


9+3 ข้อหาและโทษนายเปรมชัย






13 มีนาคม 2561 พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ให้กับสำนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิเป็นที่เรียบร้อย

โดยได้สั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 4 คน คือนายเปรมชัย กรรณสูตร ผู้ต้องหาที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาที่ 2 นางนที เรียมแสน ผู้ต้องหาที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ ผู้ต้องหาที่ 4 โดยมีข้อกล่าวหารวม 9 ข้อ ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ.34/2561

ฝ่ายวิชาการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้ทบทวนข้อหาทั้งหมด และจัดทำรายละเอียดข้อหาแบบแยกส่วนว่า ข้อหาทั้ง 9 นี้ ผิดอยู่ในระราชบัญญัติใด และมีโทษเป็นอย่างไร

ข้อเท็จจริง : นายเปรมชัย กับพวกรวม 4 คน ขับรถเข้าไปตั้งแคมป์พักในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า บริเวณจุดที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงมีการนำอาวุธปืนและเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ เข้าไปล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นการกระทำความผิด 9 ข้อหา จาก 3 พระราชบัญญัติดังต่อไปนี้

1. พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535

ข้อหาที่ 1 ฐานร่วมกัน ล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มีความผิดตามมาตรา 36 ต้องระวางโทษตามมาตรา 53 จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อหาที่ 2 ฐานร่วมกัน ล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มีความผิดตามมาตรา 16 ต้องระวางโทษตามมาตรา 47 จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อหาที่ 3 ฐานร่วมกัน มีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 ต้องระวางโทษตามมาตรา 47 จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อหาที่ 4 ฐานร่วมกัน พยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 ต้องระวางโทษตามมาตรา 53 จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อหาที่ 5 ฐานร่วมกัน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิด ตามมาตรา 55 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อหาที่ 6 ฐานร่วมกัน นำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ1(1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2538) ออกตามความมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ไม่มีบทกำหนดโทษหากฝ่าฝืนตามมาตรานี้

ข้อหาที่ 7 ฐานร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 37 ไม่มีบทกำหนดโทษหากฝ่าฝืนตามมาตรานี้

2. พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 (ฉบับที่ 4 พ.ศ.2559)

ข้อหาที่ 8 ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 ต้องระวางโทษตามมาตรา 31 จำคุกตั้งแต่ 1 ปี – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท – 200,000 บาท

3. พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490

ข้อหาที่ 9 ปืนของกลางที่ยึดในป่าฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 8 ต้องระวางโทษตามมาตรา 72 ทวิ วรรคแรก จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษตามมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับข้อหาที่ 9 นั้น พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนว่า เสนอเห็นควรสั่งฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ในข้อหาที่ 9 เฉพาะข้อหา พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควร ส่วนข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากอาวุธปืนของกลางเป็นของนายเปรมชัย ที่ได้รับใบอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ทางด้านของ นายยงค์ โดดเครือ นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ สั่งฟ้องตามข้อกล่าวหาที่ 1 ถึง 9 ทุกข้อกล่าวหา

สำหรับในวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งจะเรียกนายเปรมชัยมารับทราบข้อกล่าวหานี้ อีก 3 ข้อหา อันได้แก่ ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ ครอบครองอาวุธปืน และติดสินบนนั้น จะเป็นความผิดจาก 2 พระราชบัญญัติ และ 1 กฎหมายอาญา ดังต่อไปนี้

1. พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535

ข้อหาที่ 10 ฐานร่วมกัน(เปรมชัยและภรรยา) มีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้างแอฟริกา) โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 ต้องระวางโทษตามมาตรา 47 จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490

ข้อหาที่ 11 ปืนที่ได้จากการค้นบ้านนายเปรมชัย เนื่องจากพบว่า ปืนจำนวน 6 กระบอก จากทั้งหมด 43 กระบอก ที่ยึดได้จากบ้านพักของ นายเปรมชัย เป็นปืนที่ไม่สามารถจดทะเบียนครอบครองได้ 1 กระบอก เป็นปืนประกอบเอง 1 กระบอก ส่วนที่เหลือ 4 กระบอก เป็นปืนที่ไม่พบการจดทะเบียน และไม่มีหลักฐานการขออนุญาตครอบครอง มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 8 ต้องระวางโทษตามมาตรา 72 ทวิ วรรคแรก จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

3. ประมวลกฎหมายอาญา แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560

ข้อหาที่ 12 ติดสินบนเจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้ กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตามมาตรา 144 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกรณี ซีอีโออิตาเลียนไทยล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรในเว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

เรียบเรียงข้อมูลโดย ฝ่ายวิชาการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร
ที่มา เวป มูลนิธิสืบนาคะเสถียร