โฆษกรัฐบาลพูดไม่อาย คสช. มีพันธะต้องกำกับการบ้านเมืองอีกอย่างน้อย
๕ ปี นายของห่านอูก็ยืนยัน ไม่มีทางยุบ คสช.ก่อนเลือกตั้งแน่ๆ เด็ดกว่านั้นต้องทั่นรองฯ
๒๕ เรือน
“บิ๊กป้อมยัน ยุบคสช.ไม่ได้ ถ้ายุบก็ผิดรัฐธรรมนูญ
ยันต้องอยู่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖๕ ในบทเฉพาะกาล เราต้องทำหน้าที่ต่อไปในการดูแลความสงบเรียบร้อย”
วาสนา นาน่วม เล่าเอาไว้ แต่ไม่ได้บอกว่าวันที่ ๑๕ มีนานี้ทั่นเตรียมการชี้แจง
ปปช. อย่างไรเรื่องนาฬิกา
กินขาดใครๆ คือลิ่วล้อ ลูกไล่ คสช.
ที่ได้ตำแหน่งที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ‘วงษ์สุวรรณ’ ปณิธาน วัฒนายากร บอกว่า “กรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเสนอให้ยุบ
คสช. เหลือแค่รัฐบาลดูแลการเลือกตั้งนั้น
...ภารกิจหลักของ
คสช.คือการรักษาเสถียรภาพ ดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อยของบ้านเมือง
ในช่วงที่จะมีการเปิดพื้นที่มากขึ้นและจะมีการเลือกตั้ง จะต้องคิดด้วยว่าใครจะทำภารกิจเหล่านี้
แล้วใครจะทำได้สำเร็จ”
โถ คุยโตอย่างนี้ต้องให้เด็กตอบ ‘เนเน่’ เนติวิทย์ โชติภัทรไพศาล
ถือเป็นภารกิจเหมือนกัน ต้องตักเตือน “ผมเรียกร้องด้วยความเคารพ อยากให้อาจารย์ได้มีเวลากับการสอนมากกว่านี้”
เนื่องจาก “การสอนของท่านไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ข้อสอบกำกวมหลายข้อ เพราะงานท่านคงเยอะ...
อยากให้ท่านได้พักจากคำตำหนิ โดยลาออกจาก
คสช. ลบล้างภาพลักษณ์มลทินที่จะต้องแปดเปื้อนกับการรับใช้เป็นที่ปรึกษาพลเอกประวิตร
ซึ่งทุจริตและเป็นระบบพวกพ้อง”
ก็เลยมีผู้ใหญ่ขึ้นไปหน่อย
เคยเป็นแกนนำพันธมิตรฯ เข้าไปเสริม “สมัยเป็นที่ปรึกษาพรรครัฐบาลก่อนๆ
ก็ไม่เห็นหัวคน...หากินกับตำแหน่งทุกรัฐบาล ไม่มีคุณค่าเป็นนักวิชาการใดๆ ทั้งสิ้น”
พิภพ ธงไชย เขียนคอมเม้นต์
เรื่องลูกน้อง คสช.ไม่มีคุณค่านั่นยกไว้
คสช.เองไม่มีน้ำยานี่สิหนัก เห็นกันตรึมตอนนี้คอรัปชั่นผุดเป็นดอกเห็ด นอกจากการยักยอกโกงกินเงินช่วยเหลือคนจนที่พบแล้ว
๔๔ จังหวัด มูลค่าเกิน ๙๗ ล้านบาท ที่กำลังกระหึ่มอยู่ขณะนี้แล้ว ไหนจะทุจริตรับเหมาโครงการของราชการบานตะไท
ที่เมืองคอนมีการตั้งโต๊ะแฉกลางมอล ผู้รับเหมาถูกเรียกเงิน
๒ ล้าน กับรถปาเจโรอีกหนึ่งคัน จากกรรมการตรวจรับงานก่อสร้างตึก ๕
ชั้นโรงพยาบาลในจังหวัดนครศรีธรรมราชแห่งหนึ่ง ทั้งที่สร้างเสร็จแล้วตามสัญญา
เรื่องแบบเดียวกันอีกรายบ่นผ่านเฟชบุ๊ค
ผู้ใช้นาม Pratya มิตรสหายในเฟชของ
ชัยวุฒิ สุวรรณโณ ว่าเป็นเรื่องปกติของข้าราชการและคนมีอำนาจเซ็นรับงาน
“ค่างาน ๑ ล้าน มันขอแล้ว ๓-๔ แสน
เหลือทำ ๖ แสนจะไปเหลือกำไรอะไร งานนึงเพี่อนผมรับมา งบฯ ๓๐ ล้าน พี่เล่นขอแล้ว ๑๐
ล้าน เหลือ ๒๐ ล้านนี่ค่าวัสดุ ค่าแรง แทบไม่เหลืออะไรเลย”
ฉะนั้น “ถ้าเจ้าไหนจะเอาต้องไปลดสเปควัสดุ
ลดค่าแรงคนงานลงเพื่อให้เหลือกำไรรอดได้ จนงานไหนของราชการมักจะพังเร็วกว่าเสมอๆ
ไม่ต้องไปด่าผู้รับเหมาว่าโกงหรอก เจ้าหน้าที่นี่แหละ แม่งตัวดี”
เกี่ยวเนื่องกับเลือกตั้งนี่เช่นกัน คสช.
แค่บอกว่าจะมีเลือกตั้งต้นปี ๖๒ แล้วมโนเอาว่าใครๆ เขาต้องเชื่อ ในหมู่องค์กรระหว่างประเทศ
รัฐบาลตะวันตก ต่างประเทศเขารู้เช่นเห็นชาติกับการโป้ปดมดเท็จของรัฐบาล คสช.
โดยเฉพาะลูกไล่ที่ได้ว่าการ กต. บักดอนพูดเรื่องสิทธิมนุษยชนในไทยให้ฝรั่งฟัง
ไม่เคยตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ในแถลงการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนประจำปีของสหราชอาณาจักรเมื่ออาทิตย์ก่อน
ถึงได้ย้ำว่า “เรากระตุ้นให้ประเทศไทยจัดการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือได้และพร้อมมูล
ตรงตามครรลองของสากล โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”
ถ้อยแถลงของสมัชชาสิทธิมนุษยชนอังกฤษ
แม้จะสั้นๆ แค่สองย่อหน้า แต่ลงลึกรายละเอียด “เรียกร้องให้รื้อฟื้นเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุม
รวมถึงยกเลิกข้อจำกัดที่มีต่อพรรคการเมือง (ปลดล็อค) เปิดพื้นที่ให้องค์กรมหาชนได้ปฏิบัติหน้าที”
น่าหัวร่อก็ตรงมีรัฐมนตรีบางคนเหมาเอาเองว่าต่างประเทศจะนิสัยเหมือนไทย
แค่บอกจะจัดเลือกตั้งแล้วทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิมได้หมด ดังที่ รมว.พาณิชย์ไทยต้องหน้าแตก
เมื่อโดนอียูแย้งว่ายังไม่ได้ตกลงปลงใจจะจัดประชุมสองฝ่ายรื้อฟื้นข้อตกลงการค้าเสรี
อย่างที่เอาไปให้ข่าวหนังสือพิมพ์เสียหน่อย
“อียูแย้งคำกล่าวอ้างของรัฐมนตรีพานิชย์ โดยยืนยันว่าจะฟื้นฟูการเจรจาการค้าเสรีอย่างเต็มรูปแบบก็ต่อเมื่อไทยมีรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น”
สุณัย ผาสุก ทวี้ตแจ้งแถลงการณ์ด่วนของอียู
ซึ่งอ้างถึงข่าวบางกอกโพสต์ที่ว่า “หลังจากที่ได้พบปะกับเอกอัคราชทูตอียู
เพอร์ก้า ทาปิโอล่า เมื่อวันจันทร์ รัฐมนตรีพาณิชย์สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พูดว่าสองฝ่ายตกร่องปล่องชิ้น
พร้อมใจกันจะเริ่มกระบวนการเจรจาไทย-อียูตอนกลางปีนี้”
และข่าวจากเว็บ ‘ไทยวีซ่า’ ที่ว่าธุรกิจต่างๆ ของอียูสนับสนุนความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับอียู
“ที่ได้มีการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่” โดยแถลงการณ์ระบุเป็นข้อโต้แย้งว่ารายงานข่าวทั้งสอง
“ไม่ตรงกับความเป็นจริง”
แถลงการณ์อียูชี้แจงความจริง หรือ ‘disclaimer’ ถึงรายละเอียดการพบปะกันเมื่อวานนี้อีกครั้ง ว่า “การกลับมาเจรจาเกี่ยวกับเอฟทีเอนั้นเป็นไปได้
แต่การเปิดประชุมอย่างจริงจังเต็มที่จะทำได้ก็ต่อเมื่อ
ได้มีรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้งแล้วเท่านั้น”
หมายความว่า ถ้าหัวหน้า คสช. ไม่ยอมยุบคณะรัฐประหารก่อนการเลือกตั้งต้นปีหน้า
หรือมีเหตุเป็นไปให้ต้องเลื่อนเลือกตั้งออกไปอีก คงไม่มีการเจรจาใดๆ ในการที่จะให้อียูกลับมาลงทุนในประเทศไทย
หรือร่วมตลาดระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกได้
ไม่รู้ว่า คสช. จะทำยึกยักโน่นนี่
และตอหลดตอแหลไม่มีที่สิ้นสุดไปถึงไหน อย่างที่บอกว่าใครๆ เขารู้เช่นเห็นชาติกันหมดแล้ว
เปิดเบิ่งจากนอกประเทศเข้ามาสู่ในประเทศฉาวโฉ่อยู่ทุกวันนี้
ทางที่ดี ‘ออกไป’ อย่างที่เด็กไล่นั่นละ จะเป็นผลงานทิ้งท้ายเยี่ยมที่สุดสำหรับ คสช.