วันอาทิตย์, มีนาคม 25, 2561

“ประยุทธ์” วอนอย่าวิจารณ์เรื่องทุจริตพร่ำเพรื่อทำนักลงทุนหนี (ไหนบอกมาปราบโกง)



“ประยุทธ์” วอนอย่าวิจารณ์เรื่องทุจริตพร่ำเพรื่อทำนักลงทุนหนี






24 มี.ค. 2561
ที่มา MGR Online


“ประยุทธ์” วอนแยกแยะเรื่องทุจริตให้ออกว่าอะไรคือการตรวจสอบ อย่าพูดกันเสียหาย ทำนักลงทุนต่างชาติหนีหมด มั่นใจเรื่องดีมีมากกว่าที่ไม่ดี พร้อมติงโครงการที่ยังเป็นเพียงแนวคิดไม่ควรวิจารณ์มาก จนทำให้หลายโครงการดีๆ ต้องพับไป

วันนี้ (23 มี.ค.) เวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า เรื่องการประมูล จัดซื้อจัดจ้างต่างๆ อาจจะแยกได้เป็น 2 กรณี กรณีแรกหากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เลย เป็นแต่เพียงแนวคิด เป็นแนวทางแก้ปัญหา ซึ่งยังไม่มีอะไรชัดเจน หรืออยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล การศึกษาความเป็นไปได้ ไม่น่าจะนำมาวิพากษ์วิจารณ์มาก จนโครงการดีๆ หลายโครงการต้องพับไป มันแก้อะไรไม่ได้เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่มันมีความจำเป็น หรือ สำคัญต่อความมั่นคงของส่วนรวมไม่ว่าจะเรื่องของแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องป่า เรื่องการลงทุนอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ข้อมูลในสื่อโซเชียลฯ ซึ่งมันเป็นการใช้เทคโนโลยีที่เราจะต้องมีสติ ระมัดระวัง เพราะใครก็ได้ ต่างฝ่ายต่างให้ข้อมูล โดยไม่มีใครสามารถจะบอกได้ว่า ใครถูกใครผิด

ทั้งนี้ รัฐบาล และ คสช. เข้าใจถึงเจตนารมณ์ ซึ่งเป็นความปรารถนาดี แต่ขอให้พี่น้องประชาชนนั้น ที่มีเจตนาอันบริสุทธิ์ได้กรุณาตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล หรือรอคำชี้แจงต่างๆ เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ สำรวจแหล่งที่มาของข่าวสารให้ดีเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเวลาโพสต์ส่งต่อๆ ไป บางทีมันก็ทำให้เกิดความสับสนอลหม่านวุ่นวาย หรือคิดต่อไม่ได้ ทำอะไรต่อไม่ได้เลย ตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้มีการจัดทำคิวอาร์จากทางโครงการออกมา ยังไม่เกิดอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นหากมันเป็นข้อมูลเท็จ หรือเป็นข่าวสารที่ผ่านการปรุงแต่งบิดเบือน และมีผู้หนึ่งผู้ใดนำเข้าสู่ระบบ หรือโลกออนไลน์ อาจจะเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และส่งผลเสียต่อสังคม และเกิดผลกระทบต่อผลประโยชน์ส่วนรวมด้วย

นายกฯ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีช่องทางรับเรื่องราวร้องเรียน เพื่อรับฟังข้อมูลจากทุกคนทุกฝ่ายทั้งสายด่วน 1111 ของรัฐบาล สายด่วน 1567 ศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย หรือสายด่วน 1299 ของ คสช. แล้วก็มีศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัดทุกพื้นที่ ขอให้ใช้ช่องทางต่างๆ เหล่านั้นจะดีที่สุด ร้องไปถ้าไม่ได้รับการแก้ไข ติดต่อ ขอให้ทำมาอีกครั้งหนึ่ง อาจจะส่งมาสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้เรื่องใหญ่ๆ สำคัญๆ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ขอให้ส่งทางหน่วยงานจะดีกว่า เพราะนายกรัฐมนตรีจะได้แก้ไขในโครงการใหญ่ๆ ที่เป็นปัญหา เพราะเรื่องเล็กๆ นั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ เรื่องของหน่วยงานระดับผู้ปฎิบัติจะต้องแก้ไขอยู่แล้ว เร็วๆ นี้ เราจะเปิดช่องทางใหม่สายด่วนไทยนิยมในรูปแบบแอปพลิเคชันบนมือถือ เว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก ที่ตอบสนองความสะดวก และรวดเร็วของพี่น้องประชาชน ที่มีมือถือกันแทบทุกคน ขอให้ติดตามข่าวสารกัน

ขอย้ำอีกครั้งว่า การทุจริตที่ตรวจสอบพบ จากข้อร้องเรียนของภาคประชาชน รัฐบาล และ คสช. นั้น จะดำเนินการให้ทุกเรื่อง ขอให้อย่าเป็นการกลั่นแกล้ง หรือเป็นการทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินเลย เพียงแต่ว่าขอข้อเท็จจริงขอพยานหลักฐานพอสมควร ให้เกิดความกระจ่างชัดจะได้ดำเนินการต่อได้ เราจะต้องทำให้เป็นธรรมตามขั้นตอน ตามกระบวนการ และข้อกฎหมาย ซึ่งอาจจะมีหลายเรื่องในเวลานี้ ไม่ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจ เราจำเป็นต้องใช้กระบวนการตรวจสอบที่โปร่งใส และเป็นธรรมทั้งกับผู้ร้อง และผู้ถูกกล่าวหาตามกฎหมายที่มีอยู่

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า เราพูดเรื่องทุจริตมาก็บ่อยแล้ว หลายคนจะสึกว่าไม่ปลอดภัยกับบ้านเมืองของเราเอง บางครั้งต่างประเทศก็ไม่ไว้ใจ เพราะฉะนั้นเราต้องแยกแยะให้ออก ว่าอะไรคือเรื่องของการตรวจสอบ ไม่ใช่พูดกันเสียหาย ก็คงจะมีดีๆ อยู่เยอะแยะ มากกว่าสิ่งที่ไม่ดี ต่างชาติเขาก็ดูอยู่ การลงทุนอะไรต่างๆ ก็กำลังเกิดขึ้น เราอาจจะหวังดี พูดกันไปกันมา บางทีก็เสียหาย ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปทั้งหมด

อย่างเช่น ภาคใต้วันนี้ก็ปลอดภัย ก็มีปัญหาอยู่บางพื้นที่เท่านั้นเอง แต่ก็มีความเสียหายอยู่ เพราะฉะนั้นคนใต้เองเขาก็บอกว่า ประชาสัมพันธ์ หรือออกข่าวไปมาจนกระทั่งทุกคนไม่ค่อยเชื่อมั่นในความปลอดภัย ภาคใต้จริงๆ เขาบอกว่ามีบางพื้นที่เท่านั้นเอง นี่คนใต้เขาพูดมา เพราะฉะนั้น อะไรก็ตาม อาจจะด้วยเจตนาดี พอพูดไปมากเกินไป บางทีก็มีผลเสียกับคนในพื้นที่ด้วย


ที่มา
https://mgronline.com/politics/detail/9610000029261

ooo





ในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกรณีการทุจริตถูกเปิดเผยออกมาหลากหลายกรณี โดยทั้งหมดเป็นการทุจริตเงินช่วยเหลือคนด้อยโอกาสกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคนจน เด็กนักเรียนยากไร้ หรือแม้แต่ชาวเขา โดยในทุกกรณีคนที่ทำการทุจริตเป็นคนในระบบราชการ