วันอังคาร, มีนาคม 13, 2561

ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ 'ไม้หล่นไม่ไกลต้น' ดร.สุรินทร์ ตั้งกังขาพรรค 'ยังบลัด' "ถ้าพรรคตรงข้ามหรือพรรคทหารเข้ามา เขาพูดไม่ได้นะ"


กระแสเลือกตั้ง พลังประชาธิปไตยนี่แรง แรงเสียจนหัวหน้าพรรคแมลงสาบต้องหันมาประกาศ “จุดยืนเสรีนิยมประชาธิปไตยและสังคมสวัสดิการ”

มิวาย Atukkit Sawangsuk เหน็บเอาว่า “จุดยืน ประชาธิป-ปัตย์ คือแพ้เลือกตั้งทั้งชาติต้องบอยคอตต์...สังคมสวัสดิการของทหาร อำมาตย์...มีแต่หวังส้มหล่นตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร”

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นอีกคนของพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามสร้างค่าให้ตนเอง ในสถานการณ์ ทางเลือกใหม่ มาแรง ด้วยการตีตราว่าร้ายคู่แข่งที่จนกระทั่งวันนี้ตนเองยังเป็นรอง

หลังจากตลอดเวลาที่ผ่านมาในยุค คสช.ครองเมือง ปชป. เป๋ “เป็นสถาบันการเมืองที่ขามันหักไปข้าง” เหมือนอย่างที่ ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ คนกันเองสายก้าวหน้าวิจารณ์ไว้ “อุดมการณ์ถ้าเราไม่แข็งแต่แรก จบ ถ้าเราเป๋แต่แรกไปต่อไม่ได้”

คนหนุ่มหน่วยก้านดี ที่ บก.ฟ้าเดียวกัน เม้นต์ว่า “ถ้าประชาธิปัตย์ได้คนนี้ไปทำงานในพรรค น่าจะมีอนาคตและปรับตัวได้ พูดเปิดอกในรายการสัมภาษณ์ของ The101.worldด้วยว่า “การที่กลุ่ม กปปส.ออกไป การทีกลุ่มธนาธรออกมา เป็นเรื่องดีสำหรับประชาธิปัตย์”
 
(https://www.facebook.com/the101.world/videos/1785377121771524/)
 
จะได้ทำให้พรรคฝ่ายวังที่ตั้งขึ้นมาเพื่องัดข้อกับคณะราษฎรในอดีต “กลับมาตรงกลางมากขึ้น...เป็นกลางเอียงขวา...ผมว่ามันไม่มีทางอื่นไปละ” ฟูอาดี้ว่า
 
ทายาทของอดีตนักการเมือง คนเก่งแห่งพรรค ปชป. ที่ออกตัวว่าเขาไม่ใช่ คนในแต่ใช้สรรพนามแทนกลุ่มการเมืองที่ ปชป.ไม่เคยเอาชนะได้ว่า ฝ่ายนู้นและแจงตนเองอยู่ในฟากที่ “พวกเรายังเชื่อในประชาธิปไตยอยู่”
 
ก็น่าเชื่อได้ว่าคงเป็นเช่นนั้น จากการที่เขาอธิบายถึง ทศวรรษที่หยุดนิ่ง (น่าจะเป็นทศวรรษเดียวกับของ ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่เรียกว่า ทศวรรษแห่งความสูญหาย) อันเกิดจาก “ความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างสองฝ่าย”
 
ฟูอาดี้พูดถึงความไม่เข้าใจกันนั้นว่า เหมือนทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างปิดตาข้างหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งพูดถึงประชาธิปไตยในเชิงครรลอง (เขาใช้คำอังกฤษแทนในเวลาต่อมาว่า ‘process’) อีกฝ่ายพูดในเชิงเนื้อหา เรียกว่า substances เรื่องคอรัปชั่น
 
“ความเป็นประชาธิปไตยที่ดีมันต้องมีทั้งสองแบบ...มีทั้งครรลอง...ทั้งเนื้อหา” เขาว่าฝ่ายหนึ่งจะไปให้ถึง substances โดยไม่ผ่านครรลอง “อีกฝ่ายหนึ่งก็เอาแต่ครรลอง...แล้วก็ไปไม่ถึง substances ก็เลยหยุดอยู่แค่นั้น”
 
ไม้หล่นไม่ไกลต้นของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรรณ ให้ความเห็นถึงสถานการณ์แบ่งขั้วแบ่งสีที่ผ่านมา อันนำร่องเรียกทหารเข้ามายึดอำนาจ ว่าที่จริงแล้ว “มันต้องใช้ประชาธิปไตยแก้ประชาธิปไตย...
 
ฝ่ายที่ต้องการ substances democracy นี่ไม่ต้องการเลือกตั้ง...เป็นสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยกับ กปปส. ที่ไปหาว่าเค้าดันไปสุดซอย ตัวเองดันไปสุดซอยเสียเอง เกินเลยสุดซอยไปเสียด้วย” เขาระบุถึงตอนที่ยิ่งลักษณ์ยุบสภาแล้ว กปปส.พลาดตรงที่ไม่ยอมหยุดแค่นั้น
 
มีคน “ที่ดันให้ไปถึงจุดที่ทหารเข้ามา ซึ่งไม่ควรไปถึงจุดนั้น” มันเลยมาถึงจุดนี้ที่ผู้สัมภาษณ์เอ่ยถึง “การตื่นตัวเรื่องคอรัปชั่นมันหายไป” ที่ฟูอาดี้เสริม “ยิ่งตอนนี้มันไม่มีอะไรที่ตรวจสอบได้เลยนะ ยิ่งกว่าก่อนเสียอีก”
 
เขาเปรยออกมาว่า “ผมตอบไม่ถูกเหมือนกัน” นั่นอาจเป็นดังอาการที่เขาเองวิเคราะห์คนในเมืองทำเฉยชากับการคอรัปชั่นยุคทหารว่า “คือแบบพวกที่ใกล้กับตัวเองมากกว่าขึ้นมามีอำนาจ พยายามจะทำความเข้าใจ พยายามจะเห็นพวกกันเองหรือเปล่า”
 
ก็เลยขอตอบให้แทนตรงนี้แล้วกันว่า กปปส. ไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้นเมื่อยิ่งลักษณ์ยอมยุบสภา ก็เพราะว่าเจตนาเบื้องลึกนั้นรู้เห็นเป็นใจ (รับงาน) ต้องการระบอบทหาร มากเสียกว่าต่อต้านระบอบทักษิณ
 
และการเปิดตัวของพรรคการเมืองทางเลือกใหม่ ที่ฟูอาดี้บอกเองว่า “ในชั่วโมงนี้ต้องเป็นเขาละ” ไม่ได้ทำให้ “ระบอบการเลือกตั้งครั้งต่อไปมีความชอบธรรมขึ้นมาทันที” ดังที่เขาอ้าง
 
“แล้วถ้าพรรคตรงข้ามหรือพรรคทหารเข้ามา เขาพูดไม่ได้นะ เขากระโดดเข้ามาในเกมนี้แล้ว เขายอมรับระบอบที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่เป็นประชาธิปไตย ระบอบที่ถูกสร้างขึ้นโดยทหาร” ซึ่งก็เป็นอีกกับดักหนึ่งซึ่ง คสช.วางไว้
แต่การแก้ไขโดยไม่ลงสังเวียน ไม่ใช่ทางเลือกของพรรค ยังบลัดอย่างแน่นอน อ่านได้จากที่ปิยบุตรให้สัมภาษณ์ไว้กับ ศัลยา ประชาชาติว่าเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ ไม่รับ รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ที่เขียนขึ้นมากีดกันพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากเด็ดขาด และเปิดช่องคณะทหารครองอำนาจต่อไประยะยาว

(https://www.matichonweekly.com/column/article_87518)
 
ดังนั้น คงไม่เป็นปัญหาสำหรับพรรคนี้ถ้าพวกเขาไม่ได้รับเลือกตั้ง “ถ้าแพ้ผมจะทำต่อ รณรงค์ให้คนเห็นว่าการเมืองแบบใหม่เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ปิยบุตรกล่าว

“เราจะมีวิถีทางที่จะเข้าไปแก้ไข เปลี่ยนแปลง คือ 1.เข้าไปอยู่ในกติกา และใช้ช่องทางเต็มความสามารถที่จะแก้ไข 2.วิถีนอกรัฐธรรมนูญ นอกระบบ ซึ่งจะปรากฏออกมาเป็นรูปอะไรก็ไม่ทราบ ซึ่งผมไม่สนับสนุน

“เราจะพิสูจน์ให้คนเห็นว่าเราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ แต่เป็นพรรคที่จริงจัง จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น