อ่า คำถามต่อประชาชนอีก ๖ ข้อ*ของประยุทธ์นี่ มีแต่คนอยากตอบ
เพราะมันโยนหินถามทางไปสู่การนั่งแช่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกรอบ
โดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง
เห็นได้จากข้อ ๒ ที่ถามว่า “การที่ คสช.
จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด ก็ถือเป็นสิทธิของ คสช. ใช่หรือไม่
เพราะนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่แล้ว”
การสนับสนุนพรรคการเมืองหนึ่งใดหรือหลายพรรค
จะว่าเป็นการหวังผลให้พรรคเหล่านั้นสนับสนุนตนเข้าไปเป็นนายกฯ คนนอก
หลังเลือกตั้งก็ได้
แน่นอนว่ามีคนในแวดวงพรรคการเมืองน้อยใหญ่ออกมาตอบคำถามของหัวหน้า
คสช. กันตรึม พิชัย นริพทะพันธุ์ และร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต
‘หมวดเจี๊ยบ’ จากค่ายเพื่อไทยบอก
‘ไม่ใช่’
นายพิชัยว่า “นำไปสู่การใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิด สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบแก่พรรคการเมือง”
ส่วนผู้หมวดหญิงสุนิสาเฉาะกลางแสกหน้า
“จ้องจะเลือกข้างสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค”
มุ่งหมายที่จะ
“ช่วยพรรคการเมืองที่ตัวเองสนับสนุนเพื่อหาเสียง
เพราะหวังส่วนแบ่งทางการเมืองหากพรรคการเมืองดังกล่าวชนะเลือกตั้ง”
ด้านพรรคประชาธิปัตย์ พวกตัวหัวๆ ต่างวางท่าเล็กน้อยในที
ว่าไม่ควรตั้งคำถามแบบนี้ “เป็นการกระทำที่อิงการใช้อำนาจรัฐ เป็นเรื่องขัดกับหลักธรรมาภิบาล”
นี่จากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค
ส่วนนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองฯ “ชี้ว่าไม่เหมาะสม
เและมีความเป็นไปได้ว่าอาจใช้อำนาจผ่านกลไกราชการ ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อพรรคการเมืองอื่น”
ระดับรองโฆษกพรรคอย่าง
ณัฏฐ์ บรรทัดฐาน อัดแหลกข้ามช้อตไปโน่น “หากพรรคการเมืองที่
คสช. หรือ พล.อ. ประยุทธ์จะสนับสนุน เกิดพ่ายแพ้หรือเพลี่ยงพล้ำ
หรืออาจบริหารประเทศได้เลวทรามชั่วช้าในสายตาประชาชน...
จะมีหลักประกันใดที่จะยืนยันว่า คสช.
จะไม่ลากปืนใหญ่ รถถังออกมาเพื่อเป็นเกราะป้องกันให้พรรคการเมืองที่ท่านสนับสนุนยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป”
สำหรับนักพิทักษ์รัฐธรรมนูญอย่าง ศรีสุวรรณ
จรรยา ฟันธงเชะเลยว่า “คสช.ไม่มีสิทธิที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด
ต้องวางตัวเป็นกลางเท่านั้น เพราะ คสช.และแม่น้ำ ๕ สายเป็นผู้วางกฎระเบียบใหม่ของสังคม
หาก คสช. อยากจะสนับสนุนพรรคการเมืองใดเป็นการเฉพาะ
ก็ขอให้ลาออกจากตำแหน่งทั้งหมดเสีย ณ บัดนี้ อย่าทำตนเป็นอีแอบต่อไป”
ศรีสุวรรณยังจับไต๋ คสช. ทำเนียนแอบหาเสียงในข้อ
๓ โดยย้อนว่า “ในช่วง ๓ ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองไม่เห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติเลย...
เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาบนยอดภูเขาน้ำแข็ง ที่ใช้ประชาชนเป็นข้ออ้างเท่านั้น
แต่กลับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนใกล้ชิดรัฐบาลแทบทั้งสิ้น
อีกทั้งเป็นการสร้างปัญหาใหม่เพิ่มมากกว่าเดิม...
ส่วนยุทธศาสตร์ชาติหากประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ
เพราะไม่มีการะบวนการการมีส่วนร่วม
ก็เป็นสิทธิของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่จะแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ประชาชนต้องการ”
ถึงกระนั้นพวกตัวรองๆ ของ คสช. ก็ยังพยายามแก้ต่าง
แก้ตัวแทนหัวหน้ากันน้ำขุ่นๆ ฝ่ายมั่นคง พล.อ.ประวิตร “ยืนยันว่า คสช.ไม่ได้หาเสียงทางอ้อม”
ถ้ายังอยากรู้จริงๆ ให้ไปถามนายกฯ เอง เพราะประยุทธ์เป็นคนตั้งคำถาม
ทั่นรองฯ ด้านกฎหมาย
วิษณุ เครืองาม นั้นบอก “ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว” แต่อธิบายได้ยืดยาวเป็นคุ้งเป็นแควว่า
“ทุกวันนี้มีแต่ดาราทางการเมืองออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้...ลองให้ประชาชนให้แสดงความเห็นว่ามองเหตุการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไรนอกเหนือจากฝ่ายการเมืองเป็นผู้พูด”
บ้าง
รองฯ วิษณุยังพาดพิงไปถึง
นักการเมือง กปปส. ในพรรคประชาธิปัตย์ ถาวร เสนเนียม
ที่ว่านี่คือสัญญานของการที่ประยุทธ์เตรียมตัวลงเล่นการเมือง ว่าต้องเป็นไปตามนั้นอยู่แล้ว
“เพราะขณะนี้นายกรัฐมนตรีก็เหมือนนักการเมืองคนหนึ่ง
แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ได้ระบุว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง”
อะพิโธ่เอ๊ย
พายเรือเรียบค่ายกันมาเป็นวรรคเป็นเวร ท้ายที่สุดก็เป็นชั้นเชิงการเมืองแบบบังคับขับไส
ให้พวก คสช. ได้ครองเมืองกันนานๆ เท่านั้นเอง
*(หมายเหตุ :ดูรายละเอียดคำถาม ๖ ข้อได้ที่ https://www.facebook.com/thestandardth/posts/1789546114671606)