
คิดเป็นงานอดิเรก
9 hours ago
·
ผมเข้าใจดีว่า หลายคนเกลียดตลาดหลวง และมองว่า ตลาดหลวงเป็นสถานที่ที่ toxic สัส ๆ
ซึ่งจริง ไม่มีข้อโต้แย้งเลย
ตลาดหลวง เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนแท้ ๆ
แต่ผมมองว่า ไม่ใช่ความผิดของปวินที่เปิดพื้นที่นี้ขึ้น หรือปล่อยให้มันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน
ผมมองว่า ตลาดหลวง มันมีฟังก์ชั่นที่ชัดเจนของมันมาก ๆ คือ เป็นพื้นที่สำหรับพูดเรื่องที่พูดยาก และหลายคนก็เลือกที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเบรก หรือ บางทีก็พูดแบบไม่มีหูรูดเลยด้วยซ้ำ
แต่ด้วยฟังก์ชั่นของมัน คือ สถานที่ที่เปิดให้คนแมร่งวิจารณ์แบบนั้น การที่มันจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน มันไม่แปลกเลย
ดังนั้นใครที่เกลียดความบ้านป่าเมืองเถื่อน ก็ควรจะเอาตัวเองออกมา
แต่การที่คนมีคดี มีความผิด จากการที่พื้นที่มันเปิดให้
แล้วบอกว่า เป็นความผิดของปวิน
อันนี้ผมมองว่า ผิดฝาผิดตัวมาก
ทุกคนเป็นเจ้าของคำพูด และการกระทำของตัวเอง
ไม่ได้มีใครบังคับให้ใครพูดอะไรอย่างไร ดังนั้นในระดับหนึ่ง เราก็ต้อง face consequence ที่เกิดขึ้น
ไม่ใช่เป็นความรับผิดชอบของการเปิดพื้นที่
แต่ทั้งหมดนี้ ก็ยังเป็นคนละประเด็นกับเรื่องกฎหมายที่จ้องจะเอาผิดประชาชนอยู่ดี
ดังนั้นถ้าจะด่าว่า ปวิน ปากหมา บ่มเพาะความเกลียดชัง มันถูก
แต่ปวินเอง ก็มีเส้นของเขา
แต่ประเด็นที่ปวินด่าไพรวัลย์คือ ไพรวัลย์ข้ามเส้นที่ไม่ควรข้าม เพื่อประโยชน์ของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ background ของตัวเองควรจะเห็นเส้นนี้ชัดกว่าใคร
ซึ่งสำหรับผม ผมมองว่า บุคคลในสื่อ หรือ คนทุกคนสามารถมีบทบาทที่แตกต่างกัน มีบทบาทที่เหี้ย ๆ ได้ แต่เมื่ออะไรที่มันผูกกับ integrity ของตัวเอง ก็ควรจะมีเส้น มีหลักการที่ต้องยึดถือให้ได้
ซึ่งปวินทำสิ่งนั้นเสมอมา ภายใต้ปากที่จัด ภายใต้การด่าคน แซะคน เขามีเส้นที่ไม่ข้าม
เมื่อก่อน คำ ผกา ก็เป็นแบบนั้น จะมีบทบาท จะด่า จะกรีดร้องยังไง ก็ทำไป แต่พอมันเป็น integrity เขาก็ยังคงหลักการไว้ จนกระทั่งมาหลายปีให้หลังนี้ที่ข้ามเส้น ตกเหวไปจนกู่ไม่กลับ
ซึ่งถ้าเทียบกับไพรวัลย์คือ ไม่ได้เลย
integrity ตรงนี้ ไปไกลจน ไม่รู้แล้วว่า เส้นอยู่ตรงไหน
https://www.facebook.com/thinkashobby/posts/1313702016804386