วันอังคาร, ธันวาคม 06, 2559

'พ่อ ?'... ในสังคมสูงวัย... ระเบิดเวลาขนาดใหญ่ อีก ๒๐ ปีข้างหน้า





อันเนื่องมาแต่เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ซึ่งในประเทศไทยจัดให้เป็นวันพ่อแห่งชาติ

มีการสนทนากันค่อนข้างยาวทางหน้าเฟชบุ๊ค ถึงปัญหาสังคมสูงอายุ ที่จุดกระแสโดย สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด หรือ หนูหริ่ง (สุดแท้แต่ท่านใดรู้จักเขาในนามไหน)

เขาโพสต์ในหัวข้อสั้นๆ ว่า “พ่อ?” แล้วมีคนไปร่วมออกความเห็น นำไปแบ่งปัน ตั้งวงสนทนาใหม่ขยายผล อย่างออกรสและก่อเกิดความคิดแตกหน่อ ควรแก่การบันทึกไว้ ณ ที่นี้อย่างยิ่ง

เป็นเครื่องรำลึกสำหรับอีก ๒๐ ปี หรือ ๗๐ ปีข้างหน้า ในแผ่นดินนี้จะมี ‘พ่อ’ ในลักษณะที่การสนทนานี้พาดพิงถึงอยู่อีกไหม

อนุสนธิจากผู้ใช้นาม Beatrix Ransibrahmanakul นำเอาข้อเขียนของ บก.ลายจุด มาขยายความว่า

“ปีหน้าจะเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ประชากรผู้สูงอายุ (60+) จะมีจำนวนมากกว่าประชากรเด็ก

และประมาณแค่ 10 ปีจากวันนี้ ประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุแบบเต็มตัว แปลว่า คนวัยทำงานจะน้อยลง ผลผลิตทุกสิ่งจะเป็นยังไง รายได้ประชาชาติล่ะ

และผู้สูงอายุทุกวันนี้ อายุเฉลี่ยยืนยาวกันออกไปเรื่อยๆ แปลว่าคนมาก่อนก็ยังไม่ตาย คนแก่ใหม่ๆ มีแต่จะเข้าไปเพิ่มจำนวน

รัฐบาล (ซึ่งเต็มไปด้วยผู้สูงอายุ) ได้เตรียมอะไรไว้หรือยัง เหมือนจะคิดเรื่องนี้น้อยมากๆ ทั้งๆ ที่ 10 ปี จะเตรียมตอนนี้ก็แทบไม่ทันแล้ว

Welcome to Centenarians era!”

ผู้ร่วมสนทนาของวงนี้รายหนึ่ง มี feedbacked น่าคิด

Pittayapon Mew Tobbundit: “ที่น่ากลัวกว่าคือถ้าวันนั้นเกิดเหตุการณ์พลิกแผ่นดิน พวก คสช. (หรือขั้วอำนาจจารีต) สิ้นอำนาจ ถูกไล่ลงหรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วถึงช่วงการฟื้นฟูประเทศชาติจริงๆ อัตราส่วนคนหนุ่มสาวกับคนแก่ก็ยังไม่สมดุลอยู่ดี (เว้นแต่ว่าคนรุ่น Boomers จะล้มหายตายจากไปหมดแล้ว)

แรงงานเพื่อการฟื้นฟูประเทศชาติก็ต้องมาจากการนำเข้า จากไหนก็ได้ (ส่วนมากถ้าไม่เพื่อนบ้านอาเสี้ยนด้วยกันก็จีนใหญ่ บางกรณี (ซึ่งน้อยมากๆ แต่ใช่ว่าจะไม่เกิด) คือฝรั่งจะย้ายครอบครัวมาตั้งรกรากในไทยแล้วลูกหลานได้กับคนไทย....

ผมไม่ได้ anti พวกนี้นะแต่ปรากฎการณ์ดังกล่าวเมื่อเกิดขึ้นแล้วคนท้องถิ่นที่มีอยู่เดิม (ไม่จำเป็นต้องเป็นคนพื้นเมืองเสมอไป อาจจะเป็นจีนสยามรุ่นที่ 4, 5, 6, หรือรุ่นที่สืบเชื้อสายมาจากชาวอโยธยาด้วยก็ได้) ย่อมรู้สึกถูกคุกคาม

แน่นอนว่านี่คือรากเหง้าของผีชาตินิยมคืนชีพ ที่กลับมาเกิดใหม่แล้วในหลายๆ ประเทศ (เร็วๆ นี้ก็สหรัฐฯ ทรัมป์ชนะก็เกี่ยวกับผีตัวนี้ด้วย)”

เขาไปไกลถึงขนาดนั้น ต้องย้อนกลับไปหาต้นตอ ข้อเขียนของ สมบัติ บุญงามอนงค์ เมื่อตอนค่ำวานนี้ (ในฐานะที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งและดูแลมูลนิธิกระจกเงา)

“พ่อ ?
เมื่อเดือนที่แล้ว ตร. เอาชายชราคนหนึ่งที่เดินเร่ร่อนและมีอาการจิตเภทมาส่งที่ทำงานผมกลางดึก แม้ไม่ได้มีโครงการบ้านพักแต่ก็รับไว้ชั่วคราวเพื่อรอการประสาน เมื่อสอบถามทราบชื่อนามสกุล จึงเข้าค้นในระบบทะเบียนราษฏร์พบว่ามีลูกสาวอยู่ที่ กทม. จึงได้ประสานกลับไป

ลูกสาวดีใจมากที่ทราบข่าวพ่อที่หายไปหลายปีก่อน แต่สุดท้ายชายชราคนนั้นก็ต้องไปอยู่บ้านพักของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ

ประเด็นอยู่ตรงที่ว่าสามีของลูกสาวและสถานะทางการเงินไม่พร้อมที่จะดูแลพ่อบังเกิดเกล้า ทุกคนทำงานประจำ เช่าบ้านอยู่

ผมไม่ประเมินเรื่องนี้จากประเด็นทางศีลธรรม แค่สนใจกระบวนการจัดการเรื่องเหล่านี้ว่าทำอย่างไรจึงเป็นเรื่องที่มีประสิทธิภาพที่สุด

และเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตำรวจก็พาลุงอีกคนมาฝากไว้กลางดึกอีกเหมือนเดิม เขาเป็นพ่อของใครคนหนึ่ง ที่มีอาการหลงลืมอยู่ข้างถนน”

เขาเพิ่มเติมว่า “อยากบอกว่าสังคมมีระเบิดเวลาหลายเรื่อง สังคมผู้สูงอายุเป็นระเบิดเวลาขนาดใหญ่มาก ผมมองเห็นความไม่สอดคล้องในเรื่องระบบการรับมือกับขนาดที่เป็นข้อเท็จจริง ห่างไกลกันจนขนลุก

ในฐานะคนทำงานด้านสังคม ผมเกรงว่าเมื่อวิกฤติปรากฏตัวขึ้นอย่างเต็มที่ เราจะย้อนกลับมาตั้งคำถามว่าเหตุใดเราปล่อยให้ปัญหานี้ก่อตัวจนไม่ทำอะไรที่ควรทำในช่วงเวลาที่ผ่านมา”





กองหนุนเสริม “เห็นด้วยครับ..คนชราคือระเบิดเวลาขนาดใหญ่ของประเทศเลยครับ...คนชราจะเพิ่มเป็น 20%-30%...ทำอะไรก็ไม่ได้...ต้องเลี้ยงดูอย่างเดียว”

กองเกินเสี้ยม “ แต่ผมว่าไม่น่ากลัวเท่ากับคนชราที่หลงๆลืมๆหน้าที่ของตัวเอง แล้วคอยสั่งให้คนอื่นๆทำตามใจตัวเองมากกว่าครับ”

แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจเบี่ยงเบนไปจากกระแสธารอันน่าสลด เมื่ออีกผู้สนทนายกประเด็น

“ค่าใช้จ่ายดูแลคนแก่ที่ช่วยตัวเองไม่ได้สูงมากค่ะ ลูกหลานที่ไม่มีที่อยู่อาศัยของตัวเอง คงดูแลไม่ไหว แน่ ถ้ามีบ้านพักคนแก่ที่มีคุณภาพ ราคาไม่สูงเกินก็น่าจะดี

พี่มีพี่เลี้ยงเป็นสาวโสด อายุ 94 สมองเสื่อม แล้วก็ไม่ยอมเดิน ตั้งแต่ล้มสะโพกหัก ผ่าตัดแล้วขนาดใช้สามสิบบาทยังหมดแสนกว่า เวลานี้ต้องจ้างคนมาดูแลแบบประกบเลย เงินเดือนอีกหมื่นกว่า ค่ากินต่างหาก ค่าผ้าอ้อมผ้ารองอีก

ไม่ใช่เล่นนะคะ ประกันคนแก่ก็ไม่มี มีแต่สามสิบบาท แล้วก็เบี้ยคนแก่เดือนละพัน ซื้อผ้าอ้อมยังไม่พอใช้เลยค่ะ บก.รีบคิดหน่อยนะคะ เศรษฐกิจแบบนี้ คนแก่จะถูกทิ้งอีกเยอะเพราะลูกหลานดูแลไม่ได้”

ความคิดแตกหน่อแรก Natsha Patt Coutinho “หนูขอเสนอแนวคิดผ่านเพจ บ.ก.คะ ให้หน่วยงานรัฐจัดหาที่อยู่ที่เป็นตึกร้างที่เจ้าของเค้าไม่ทำไรแล้วจริงๆ เพื่อเป็นสถานแรกรับคนเร่ร่อนและสูงอายุ ดีกว่าเป็นแหล่งซ่องสุมขี้ยาก่ออาชญากรรม

แล้วส่งเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปอบรมฝึกอาชีพ ให้พวกเค้ามีรายได้ ส่วนคนที่เข้าข่ายจิตเภท ก็ส่งตัวไปบำบัดโครงการผู้ป่วยข้างถนนของมูลนิธิกระจกเงา. พอจะเป็นไปได้มั้ยคะ”

สมบัติ บุญงามอนงค์ “การดำเนินการเรื่องผู้สูงอายุที่ไร้ญาติ ต้องคิดมากกว่าเรื่องสถานที่พัก เพราะต้องมีคนดูแล อาหาร กิจกรรม ฯลฯ”

Ang Chung “สถานที่ดูแลผู้สูงอายุบางที่ ผู้ดูแลบางคน ไม่มีความเมตตาต่อผู้สูงอายุ กดขี่บังคับ บางรายก็ถูกหยิกจนแขนช้ำ ผู้สูงอายุบางรายจึงไม่อยากไปอยู่...”

Premchirt Rinumpai “แบบนี้ควรจะเป็นสวัสดิการจากรัฐ ที่มีระบบเข้ามาจัดการให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปเป็นร่าง (ฝันไปป่าว 555)”

สมบัติ บุญงามอนงค์ “ถูกต้องครับ ต้องมีระบบที่ครอบครัวรับไม่ไหว รัฐและชุมชนต้องเข้าไปโอบอุ้ม ทีนี้ก็ต้องไปดูต่อในเรื่องของระบบทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ เรื่องนี้อีกยาว ยังเป็นแค่พอทำให้มี”

Kasit Pahtao Singkanvanich “...น่าจะเป็นกลุ่มของ อบต. ในพื้นที่ จะได้สะดวกในการดูแล อบต.ก็พอจะมีประสบการณ์จากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอยู่แล้ว แต่งานผู้สูงอายุ อาจจะต้องพึง โรงพยาบาลชุมชนด้วย”

สมบัติ บุญงามอนงค์ “ถ้าเอาจากปัจจัยรัฐคงไม่ได้ครับ เพราะเบี้ยคนชราไม่สามารถรองรับค่าใช้จ่ายที่เป็นจริง แต่ลองคิดถึงภาคประชาสังคม ชุมชน หรือ ท้องถิ่นเข้ามาช่วย ผมเคยตั้งคำถามว่าเมื่อก่อนคนเหล่านี้ไปอยู่ไหน คำตอบคือ ไปอยู่วัด”

Banhan Ratmanee “เมื่อไหร่ที่เรื่องนี้จะจัดเป็นวาระแห่งชาติได้บ้างครับ”

Jv Chotima “วัดเมื่อก่อนได้ครับตอนนี้จะโดนไล่ออกมาด้วย วัดไม่เหมือนเดิมแล้วครับ”

Pat Iadrat “มีบางวัดแถวบ้านขึ้นป้ายตัวเบ้อเริ่ม.ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาภายในวัด..วัดหลายที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้ว”

สมบัติ บุญงามอนงค์ “มีวงพูดคุยเรื่องนี้เยอะขึ้นเรื่อย ๆ แต่เรื่องนี้เกินกำลังคนทำงานสายสังคม หากผู้มีอำนาจระดับสูงไม่ลงมาเล่นอย่างจริงจัง”

Boonnak Buddhakote “รัฐบาลตะหานท่านสนใจงบประมาณซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์มากกว่า เขาไม่สนใจเรื่องปัญหาผู้สูงอายุหรอกครับ คำว่า ‘บ้านบางแค’ ก็แก้ปัญหาด้านนี้ได้ 108 แล้ว”

Pornchai Boran “รัฐควรปราบปรามอบายมุขทั้งหมดครับ ปัจจุบันคนวัยทำงานส่วนหนึ่งทิ้งเงินไปกับเหล้า การพนัน และสิ่งมอมเมา ฟุ่มเฟือยจนอาจไม่เหลือเก็บตอนเกษียณ ต้องส่งเสริมให้คนทำงานออมเงินไว้ใช้ยามเกษียณ...”

Joe Lan “แล้วรัฐบาลคนดีวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รองรับสังคมผู้สูงอายุไว้เช่นไรบ้าง...เท่าที่เห็นรู้สึกจะยั้วเยี้ยในสภา มูมมามพุงกางปากมันแผลบ...ที่เดินหลงทาง สมองเสื่อมกลับบ้านไม่ถูก คงไม่ใช่เป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติแล้วละ”

อ่า สำหรับรัดถะบานตะไท สงสัยเขาจะก้าวต่อจากวัน ‘พ่อ’ ไปวันอื่นแล้วละ ไม่เชื่อดูข่าวนี้






“'ประวิตร' ยันไม่ปล่อยไว้ต้องทำตามกฎหมาย ปมบีบีซีไทยรายงานพระราชประวัติ ร.10” (http://prachatai.org/journal/2016/12/69124)

(หมายเหตุ ภาพกลางไม่เกี่ยวกัน แต่มันได้อารมณ์ อะ)