เรื่องของ ‘แอนนา’ กับ จ้าวผู้ยึดครองกรุงเทพ (สมัยนี้เรียก ‘ไตแลนเดีย’) นามอุโฆษว่า คสช. ที่พากันตบเท้าไป ‘อวย’ ปีใหม่ให้แก่ประธานองคมนตรีวัย ๙๔ ปี แห่งรัชสมัย ร.๑๐
อันเป็นการย้ำซ้ำอีก ว่าคณะทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลเลือกตั้งมาครอบครองไว้กว่า ๒ ปีครึ่ง รังแต่จะทำให้บ้านเมืองย้อนแย้งรัชสมัยกลับไปยุค ‘แอนนากับพระเจ้ากรุงสยาม’ ที่ฝรั่งชื่นชมด้วย ‘ดนตรีเพราะ’
เห็นได้จากการที่ สนช. ใช้เวลาเพียง ๑ ชั่วโมงสำหรับอภิปรายเร่งผ่าน พรบ. สงฆ์ ๓ วาระรวด ด้วยคำอ้างว่า ถวายคืนพระราชอำนาจแก่พระมหากษัตริย์ (http://www.matichon.co.th/news/410449)
(โดยที่มีข้อสังเกตุว่า สนช. ๘๑ คนที่ร่วมกันเสนอร่าง พรบ. สงฆ์ล้วนแต่เป็นพวกนายทหาร ทำให้น่าคิดอีกว่าแท้จริงแล้ว คสช. นั่นละที่มีสัญญานไปให้ออกกฎหมายฉบับนี้ เพื่อที่จะพลิกผันกระบวนการแต่งตั้งสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ ขึ้นเป็นสังฆราชองค์ใหม่ ซึ่งค้างเติ่งมาเนิ่นนานเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตะถ่วงไว้ไม่ยอมนำขึ้นกราบบังคมทูลฯ เสียที)
ทั้งนี้และทั้งนั้น เรื่องเล่าของแอนนาครั้งพระเจ้ากรุงสยาม เกี่ยวพันไปถึงกิจสงฆ์และการศึกษา ที่จะว่าบังเอิญมาเกิดขึ้นทำนองเดียวกันในยุคนี้ก็ได้ แต่จริงๆ น่าจะเรียกว่า ‘บังอาจ’ มากกว่า
ในเมื่อการศึกษาไทยวันนี้ จากการสำรวจโดยกระทรวงศึกษาธิการเอง ปรากฏว่าพบโรงเรียนที่มีปัญหาระดับไอซียูทั่วประเทศ กว่า ๑ หมื่นแห่ง
(http://www.bbc.com/thai/thailand-38448202…)
เช่นนี้นี่ละ จึงได้นำเรื่องของแอนนายุคคริสตมาส ๒๐๑๖ มาเล่าขาน ถึง ‘ความไม่รู้’ ของบุคคลากรลิ่วล้อ คสช. ที่อาจไม่ถึงขั้นไอซียู แต่ก็ต้องเรียกรถพยาบาล ambulance มารับ
อันเนื่องมาแต่กลุ่มแฮ็กเกอร์นานาชาติที่ชื่อ ‘อะนอนิมัส’ หรือนักรบไซเบอร์นิรนาม ประกาศร่วมแรงร่วมใจประชาชนไทยทำสงครามไซเบอร์กับรัฐบาล คสช.
เนื่องจากมีการผ่าน พรบ. คอมพิวเตอร์ฉบับปรับแก้ใหม่ ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นการสร้างกำแพงปิดกั้นมเหาฬาร ‘the Great Firewall’ แบบเดียวกับประเทศจีน
(https://my-infozone.com/…/anonymous-thailand-censorship-op…/ หรือรายละเอียดภาษาไทยที่ https://www.facebook.com/VoiceTVonline/photos/a.131804224847.132218.131732549847/10154473444019848/?type=3)
ถ้อยแถลงของ ANONYMOUS – THAILAND CENSORSHIP #OPSINGLEGATEWAY เมื่อ ๒๗ ธ.ค. ระบุว่า “เราอยู่กับท่าน และต้องการแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงต่ออิสรภาพและสิทธิส่วนตัวของพวกท่าน”
จงยืนหยัดและบอกกับรัฐบาลของพวกท่านว่านี่เป็นสิ่งผิด เราจะร่วมกันยืนหยัดต้านความไม่เป็นธรรมของรัฐบาลไทยกับพวกที่สนับสนุน
ว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่ต้องเอาคืน จากการกระทำตำบอนต่อประชาชนของตนเอง”
ขณะที่ล่าสุดศาลไทยไม่ยอมให้ประกันปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาเป็น ‘แฮ็กเกอร์’ วัย ๑๙ ปี ต่อเหตุที่มีการเจาะทะลวงเว็บไซ้ท์ของทางราชการ รวมทั้งการระดมกด F5 ให้เว็บรัฐบาลหลายแห่งเกิดอาการรับไม่ไหว หยุดชงักทำงานชั่วคราว
ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันในหมู่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกว่า นั่นเป็นการ ‘จับแพะ’
และแม้แต่ผู้ต้องสงสัยอีก ๘ รายที่ทหาร คสช. จับกุมและควบคุมตัวไว้ในทางลับ กำหนดส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีในวันสองวันนี้ ก็น่าจะเป็น ‘goats’ เช่นกัน
(http://www.khaosodenglish.com/…/military-hand-alleged-hack…/)
จากโพสต์ของคุณ Doungchampa Spencer-Isenberg เมื่อวันก่อนเอ่ยถึง “ทางการไทยทำการจับกุมบุคคลทั้งหมด ๙ คน ที่มีการกล่าวหาว่าเป็นพวกแฮกเกอร์”
โดยเธอ “ได้คุย (แชท) อีเมล์กับเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ที่ Department of Homeland Security (ขอใช้ชื่อ First name ของเธอว่า Anna ก็แล้วกัน)”
“Anna บอกว่า หลังจากที่เห็นข่าวแล้วก็รู้กันโดยทั่วไปว่าพวกนี้เป็นพวก DDoS หรือ Distributed Denial of Service หรือการโจมตีใน Network เพื่อให้ page ทำการ Refresh ขึ้นมาบ่อยครั้ง จนกระทั่งตัว Host จะต้องใช้ Cache ในการโหลดแต่ละครั้งพอสมควร
แต่ถ้ามีการ Refresh มากเกินไป จนกิน Cache หมดแล้ว ตัวเพจๆ นั้น ก็จะต้องหยุดทำการหรือ "ล้ม" อย่างชั่วคราวจนกว่าจะ "คลายตัว" ออกมา ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอย่างสมควร หรือไม่ก็ต้องมีการนำเอา Human Intervention เข้ามาช่วยกู้ ถ้าระบบไม่สามารถฟิืนตัวแบบ อัตโนมัติได้
เรื่องง่ายๆ ของการทำ DDoS ก็คือใช้การกดปุ่ม F5 เพื่อให้เพจหน้านั้นมันโหลดอย่างหนักที่สุด พร้อมๆ กัน หลายๆ คนเท่านั้นเอง”
คุณแอนนา เพื่อนของคุณดวงจำปายังอธิบายยืดยาวถึงการจะเป็นแฮ็กเกอร์ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ (รายละเอียดดูได้จาก https://m.facebook.com/story.php…)
และแน่นอนว่า ๙ คนที่ถูกจับกุมและคุมขังอยู่นั้น ไม่ใช่ Anonymous
ดังนั้นการที่ลิ่วล้อ คสช. สายตำรวจ เพื่อนซี้ลิ่วล้อ คสช. สายทหารคุมกำลัง ออกมาตีอกชกลมว่า “จับได้แล้ว” น่ะ คุณดวงจำปาบอกว่าเป็นการ “ปล่อยไก่” และ “หมายความว่าท่าน ‘จับผิดตัว’ เสียมากกว่า”
“การให้ทหารเข้ามาคุมเรื่องคอมพิวเตอร์และ Hackers นั้น ถามง่ายๆ คือการเป็น Hackers จริงๆ มันไม่มีการสอนหรือเปิดหลักสูตรอะไรหรอกค่ะ ไม่ว่า ท่านที่เข้ามาคุมสำนักงานจะเรียนมาเก่งกาจเป็นที่หนึ่งหรือที่สองของรุ่นก็ตาม” ดร.ดวงจำปาเธอคงไม่ได้คิดจะสอนใครหรอก
แค่เตือนกันให้รู้บ้างว่า “ท่านกำลังสู้กับกองทัพที่ ‘มองไม่เห็น’ และ ‘ไม่เห็นตัว’ จริงๆ ท่านจะไม่ทราบแน่นอนว่าพวกนี้อยู่ที่ไหน มีกองกำลังเท่าไร มี Cells ต่างๆ เท่าไร
เพราะมันไม่ใช่การปฎิบัติการแบบถืออาวุธและจู่โจมแบบกองโจร เหมือนกับที่ท่านเคย ‘เรียน’ กันมา”
หวังว่าเพื่อนรัก ‘เวรี่บิ๊ก’ ทั้งสอง (ตามนิยามของ วาสนา นาน่วม) จะสำเหนียกกันนะ